ซิโก้ ไม่สนเรื่องอันดับฟีฟ่า ชี้ ดวลอิรักสำคัญสุด ย้ำลูกทีมต้องมีวินัย

ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีม ได้นำนักเตะลงฝึกซ้อมเพียงแค่มื้อเย็นในเวลา 16.00น. เท่านั้น ซึ่งเป็นการซ้อมในครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเดินทางออกจาก กิเลน วัลเล่ย์ เพื่อกลับไปเก็บตัวต่อในโรงแรม เอสซี ปาร์ค วันที่ 2 ก.ย.นี้

หลังเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม ได้มีการจัดงานวันเกิดฉลองให้กับ “เจ้านิว”ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ แนวรุกสารพัดประโยชน์ของ “กิเลนผยอง”เอสซีจี เมืองทองฯ ที่เกิดในวันที่ 1 ก.ย. และมีอายุครบ 22 ปีพอดี โดย “ซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดดค้ชทีมชาติไทย ได้อวยพรให้ดาวเตะรายนี้… ก่อนที่เพื่อนร่วมทีมจะมีการปาเค้กและไข่ไก่ ใสแข้งรายนี้กันอย่างสนุกสนาน

ด้าน  “ซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทัพช้างศึก เผยเกี่ยวกับประเด็นเรื่องแรงกิ้งของทีมชาติไทย ที่ ฟีฟ่าจะมีการประกาศในวันที่ 3 ก.ย.นี้ โดยดูแล้วอันดับจะไม่พุ่งมากนัก ซึ่งตนจะโฟกัสเกมอุ่นเครื่องกับ อัฟกานิสถาน มากนัก แต่นักเตะทุกคนต้องเต็มที่ แต่มุ่งเป้าขอโฟกัสที่เกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย พบ อิรัก มากกว่า

“ยังไม่ขอโฟกัสเรื่องของอันดับโลกที่กำลังจะประกาศในวันที่ 3 ก.ย.นี้ เนื่องจากผมอยากจะมองถึงเกมที่เราจะเล่น 2 นัดจากนี้ไป ทั้งการอุ่นเครื่องเจอกับ อัฟกานิสถาน และ อิรัก เพราะถ้าเราผ่าน 2 เกมนี้ไปได้โอกาสที่เราจะกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียนในแรงกิ้งก็มีสูงมาก อย่างไรก็ตาม เกมกับอัฟกานิสถาน ไม่อยากให้นักเตะบาดเจ็บ เพราะผมโฟกัสเกมพบอิรักมากกว่า”

“เนื่องจากการเอาชนะ อิรัก ที่มีอันดับสูงกว่าเรา ค่าสัมประสิทธิ์ในการคิดคะแนนจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจุดนี้เองที่เราน่าจะพุ่งมากกว่าทีมฟิลิปินส์ที่เป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียนในเวลานี้ รวมทั้งตราบใดที่เราสามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบสามได้ ผมเขื่อว่าอันดับโลกของเราจะสูงมากกว่าเดิมแน่นอน เพราะฉะนั้นในเกมกับอิรัก ทุกๆคนต้องมีวินัย ช่วยกันเล่น ตั้งใจเล่น แล้วผลการแข่งขันจะออกมาดีแน่ๆ”

ส่วนเกมกับอัฟกานิสถาน ในแมตช์อุ่นเครื่องวันที่ 3 ก.ย.นี้ จะไม่โฟกัสผู้เล่นฝั่งตรงข้ามคนใดเป็นพิเศษอย่างแน่นอน เพราะผมเองอยากจะดูรูปแบบวิธีการเล่นและทรงบอลของนักเตะทีมชาติไทย ที่มาเก็บตัวยัง กิเลน วัลเล่ย์ เป็นเวลา 2 สัปดาห์มากกว่า”

  “รวมทั้งจากระบบของ อัฟกานิสถาน ที่ผมได้ศึกษามาแล้ว พวกเขาเล่นแบบ 4-2-3-1 หรือ 4-4-2 แม้ว่าจะมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่เราคงจะดูแค่ภาพรวมของพวกเขามากกว่า อย่างไรก็ตามเราคงจะประมาทไม่ได้ เนื่องจากนักเตะมีรูปบร่างที่ค่อนข้างจะสูงใหญ่ พร้อมกับขึ้นเกมทางริมเส้นด้านข้างเป็นหลัก”

จากข่าวที่ออกมาว่า ฮาบิ๊บ ญัฟฟาร อดีตผู้ช่วยผู้ฝึกสอนทีมชาติอิรัก ชุดโอลิมปิกเกมส์ ออกมาเตือนนักเตะของตนว่า ห้ามประมาททีมชาติไทยเป็นอันขาด เนื่องจากไทยเป็นจ่าฝูงกลุ่มเอฟ อยู่ในขณะนี้ ด้วยผลงานชนะ 2 นัดรวด ทั้งเวียดนาม และไต้หวัน ถึงแม้ทีม "ช้างศึก" ไทยจะมีสถิติเป็นรองอิรัก แต่หากนักเตะของพวกเขาประมาท ก็อาจกลับตะวันออกกลางโดยไม่มีแต้มติดมืออย่างแน่นอน

ซึ่งกุนซือทีมชาติไทย พูดถึงเรื่องนี้ว่า ผมคิดว่าอดีตผู้ช่วยโค้ชของ อิรัก ต้องการส่งสัญญาณมาถึงนักเตะของพวกเขามากกว่า เพื่อไม่ให้ที่จะประมาททีมชาติไทย แม้ว่าจะเดินทางมาเล่นด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะมีแต้มกลับออกไป

“ทว่าการที่เรามีเวลาศึกษาข้อมูลในเกมสุดท้ายที่ อิรัก จะออกไปเยือน ไต้หวัน วันที่ 3 ก.ย.นี้ เป็นเวลา 4 วัน ผมเชื่อว่าน่าจะทำให้เรามีข้อมูลที่เพียงพอ โดยเฉพาะรูปแบบการเล่นของพวกเขา ที่จะเตรียมไว้ใช้ในการเดินทางมาเจอกับทีมชาติไทย”  เกียรติศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย