กรมชลประทานได้เปิดประตูระบายน้ำพระนารายณ์ ซึ่งอยู่ติดกับเขื่อนพระราม 6 เป็นวันที่ 2 เพื่อผันน้ำลงคลองระพีพัฒน์ ระบายน้ำฝั่งตะวันออกลงทะเล ช่วยลดปริมาณน้ำป่าสักและเจ้าพระยาที่จ.พระนครศรีอยุธยา
หลังจากกรมชลประทานเร่งระบายน้ำใน 2 เขื่อนหลักของภาคกลาง ทั้งป่าสักชลสิทธิ์และขุนด่านปราการชล ทีมข่าวสกายรีพอร์ตบินสำรวจพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสักตั้งแต่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มาจนถึงเขื่อนพระราม 6 พบว่า พื้นที่ 2 ฝั่งตลิ่งบ้านเรือนชุมชน และเมืองสระบุรี ยังไม่มีผลกระทบจากปริมาณน้ำที่สูงขึ้นจากการพร่องน้ำของเขื่อนป่าสัก เว้นแต่พื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเป็นที่การเกษตร
ส่วนเขื่อนพระราม 6 ระดับน้ำแทบเสมอกันทั้งเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน โดยประตูระบายน้ำพระนารายณ์ซึ่งอยู่ติดกัน ได้เปิดบานประตูผันลงสู่คลองระพีพัฒน์ เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำป่าสักและเจ้าพระยาได้ รวมถึงลดผลกระทบน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างได้ โดยมวลน้ำจากประตูระบายน้ำพระนารายณ์ จะผ่านอ.หนองแค จ.สระบุรี และอ.หนองเสือและคลอง 13 จ.ปทุมธานี ก่อนเข้าพื้นที่หนองจอก กรุงเทพมหานคร
ข้อมูลจากกรมชลประทาน มี 9 เขื่อนที่มีปริมาณเกินร้อยละ 80 ของความจุอ่าง กระจายอยู่ในภาคเหนือ ภาคอิสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออกและตะวันตก
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำร้อยละ 111 ของความจุอ่าง และเร่งระบาย 34 ล้านลูกบาศ์กเมตรต่อวัน
- เขื่อนขุนด่านปราการชล ขณะมีน้ำอยู่ร้อยละ 89 ของความจุอ่างและเร่งระบายอยู่ที่ 7 ล้านลูกบาศ์กเมตรต่อวัน