เงินเฟ้อเป็นคำที่เราอาจจะได้ยินบ่อย ๆ ตามหน้าข่าวหรือในชีวิตประจำวัน แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจความหมายและผลกระทบที่แท้จริง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเงินเฟ้อกัน
ความหมายของเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อ คือ ภาวะที่ระดับราคาของสินค้าและบริการโดยทั่วไปในประเทศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าของเงินลดลง ทำให้ด้วยเงินจำนวนเท่าเดิม เราซื้อสินค้าและบริการได้น้อยลงกว่าเดิม
สาเหตุของเงินเฟ้อ
สาเหตุหลักของภาวะเงินเฟ้อมีอยู่ 2 ประเภท:
1. Cost-push Inflation - เกิดจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เช่น
- วัตถุดิบมีราคาแพงขึ้น
- น้ำมันมีราคาสูงขึ้น
- ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
- วิกฤตทางธรรมชาติที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิต
2. Demand-pull Inflation - เกิดจากความต้องการของผู้บริโภคที่มากขึ้น เช่น
- ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ความต้องการหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ล้างมือเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การผลิตไม่ทันต่อความต้องการ จึงทำให้ราคาสินค้าเหล่านี้สูงขึ้น
เงินเฟ้อ: ดีหรือไม่ดี ?
เงินเฟ้อมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง:
ข้อดีของเงินเฟ้อระดับอ่อน
- กระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะผู้บริโภคมีแนวโน้มเร่งการตัดสินใจซื้อสินค้าเร็วขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้นในอนาคต
- ผู้ผลิตผลิตสินค้ามากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการ นำไปสู่การจ้างงานที่เพิ่มขึ้น
- เศรษฐกิจโดยรวมมีการเติบโต
ข้อเสียของเงินเฟ้อที่รุนแรงหรือผันผวน
- ผู้บริโภคอาจลดการใช้จ่ายเนื่องจากกังวลว่าราคาสินค้าจะแพงขึ้นมากในอนาคต ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว
- ราคาสินค้าที่ผันผวนทำให้การวางแผนทางธุรกิจเป็นไปได้ยาก
- ลูกจ้างอาจเรียกร้องค่าแรงที่สูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเลิกจ้างหากต้นทุนสูงเกินไป
โดยปกติแล้ว ธนาคารกลางจะเป็นผู้ควบคุมอัตราเงินเฟ้อผ่านนโยบายการเงิน เพื่อไม่ให้เงินเฟ้อผันผวนมากเกินไป
ผลกระทบของเงินเฟ้อต่อเงินในกระเป๋าเรา
1. ผลกระทบต่อการถือครองเงิน
- ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสูงขึ้น ในขณะที่รายได้อาจเพิ่มขึ้นน้อยกว่า
- ตัวอย่างเช่น เมื่อ 20 ปีก่อน ข้าวแกงราคาจานละ 15 บาท แต่ปัจจุบันราคาประมาณ 40-50 บาท
- แม้ว่ากรอบเงินเฟ้อของประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1-3% แต่หากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น เราก็ต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อของในปริมาณเท่าเดิม
2. ผลกระทบต่อเงินออมและการลงทุน
- เงินเฟ้อที่สูงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง
- ตัวอย่างเช่น หากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารอยู่ที่ 1.25% และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1% ผลตอบแทนที่แท้จริงจะเหลือเพียง 0.25%
- หากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเป็น 2% ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากยังคงเท่าเดิม ผลตอบแทนที่แท้จริงจะติดลบ -0.75%
- ผู้ที่ถือครองสินทรัพย์ที่เป็นเงินสดหรือเงินฝากประจำจะเสียเปรียบ เนื่องจากมูลค่าของเงินลดลง
แนวทางรับมือกับเงินเฟ้อ
1. วางแผนการออมเงินอย่างชาญฉลาด
- เลือกฝากประจำที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป
- พิจารณาทางเลือกฝากประจำแบบครั้งเดียว (ฝากเงินก้อนเดียวตามระยะเวลาที่กำหนด) หรือฝากประจำรายเดือน (ฝากเงินจำนวนเท่ากันทุกเดือน)
2. ควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
- เน้นเฉพาะรายจ่ายที่จำเป็น ลดต้นทุนในชีวิตประจำวัน
- ทำบันทึกรายรับรายจ่ายเพื่อคำนวณและควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
3. สร้างรายได้เสริมจากทักษะที่มี
- พัฒนาตนเองและเพิ่มทักษะอาชีพอย่างต่อเนื่อง
- หารายได้เสริมเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน
- ความรู้และทักษะที่หลากหลายช่วยเพิ่มโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งหรือหางานที่มีรายได้สูงขึ้น
การเข้าใจเรื่องเงินเฟ้อและผลกระทบต่อชีวิตประจำวันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน การวางแผนทางการเงินที่ดีจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับภาวะเงินเฟ้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้เงินในกระเป๋าของเรามีมูลค่าเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในปัจจุบันและอนาคต
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-8.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital