logo เงินทองของจริง

เจาะลึกภาษีมรดก ทำความเข้าใจก่อนส่งต่อทรัพย์สินให้ทายาท | เงินทองของจริง

เงินทองของจริง : ภาษีเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจ นอกเหนือจากภาษีที่คุ้นเคยกันดีอย่างภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีโรงเรือน และภาษีเงินได ch7hd news,tero digital,ch7hdnews,terodigital,เงินทองของจริง,moneycoach,money coach,โคชหนุ่ม จักรพงษ์,โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์,โค้ชหนุ่ม,กาย สวิตต์,เศรษฐกิจ,การเงิน,การลงทุน,การออม,ออมเงิน,เก็บเงิน,สอนลงทุน,สอนออมเงิน,สอนเก็บเงิน

257 ครั้ง
|
02 พ.ค. 2568
ภาษีเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจ นอกเหนือจากภาษีที่คุ้นเคยกันดีอย่างภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีโรงเรือน และภาษีเงินได้ ยังมี "ภาษีมรดก" ซึ่งเป็นภาษีสำคัญที่หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคย บทความนี้จะอธิบายสาระสำคัญเกี่ยวกับภาษีมรดกที่คนไทยควรรู้
 
ภาษีมรดกคืออะไร ?
 
ภาษีมรดก คือ ภาษีส่วนบุคคลที่จะถูกเรียกเก็บเมื่อมรดกจากผู้ตายถูกส่งต่อให้แก่บุพการี ทายาท หรือแม้กระทั่งผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดแต่ได้รับมรดกส่วนนั้น ตามพระราชบัญญัติภาษีมรดก พ.ศ. 2558
 
โดยภาษีมรดกจะคำนวณจากมูลค่าทรัพย์มรดกในส่วนที่เกินจาก 100 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งอัตราการเสียภาษีมรดกจะแตกต่างกันตามความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของมรดกกับผู้รับมรดก
 
ประเภททรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีมรดก
 
ทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีมรดก ได้แก่:
 
1. อสังหาริมทรัพย์ - บ้าน คอนโดมิเนียม อาคาร ที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ
 
2. หลักทรัพย์ตามกฎหมาย - หุ้น หุ้นกู้ กองทุนรวม หน่วยลงทุน ตราสารหนี้ หรือตราสารอนุพันธ์ต่าง ๆ ที่ออกโดยนิติบุคคลที่จดทะเบียนทั้งในไทยและต่างประเทศ
 
3. เงินฝาก - เงินฝากหรือเงินที่อยู่ในลักษณะเดียวกัน ที่เจ้าของมรดกมีสิทธิถอนคืนจากสถาบันการเงินในประเทศไทยหรือมีสิทธิเรียกร้องจากบุคคลใดที่รับเงินนั้นไว้ เช่น เงินฝากสหกรณ์หรือเงินฝากในบัญชีธนาคาร
 
4. ยานพาหนะ - ที่มีหลักฐานการจดทะเบียน เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ เรือ รวมถึงยานพาหนะอื่น ๆ ที่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นชื่อบุคคลได้
 
5. ทรัพย์สินทางการเงิน - ที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา
 
กรณีที่ได้รับการยกเว้นการเสียภาษีมรดก
 
แม้มูลค่ามรดกจะมากกว่า 100 ล้านบาท แต่ก็มีกรณีที่ได้รับการยกเว้นการเสียภาษีมรดก ดังนี้
 
- ผู้เสียชีวิตส่งมอบมรดกให้ผู้รับ ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 (ก่อนที่พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 จะถูกบังคับใช้)
 
- ผู้เสียชีวิตส่งมอบมรดกให้ผู้รับเพื่อใช้เป็น สาธารณะประโยชน์ เช่น วัด มูลนิธิ และสถาบันการศึกษา
 
- ผู้เสียชีวิตส่งมอบมรดกให้ หน่วยงานภาครัฐ เพื่อทำประโยชน์ต่าง ๆ
 
- ผู้เสียชีวิตส่งมอบมรดกให้ องค์กรระหว่างประเทศ ที่มีข้อผูกพันกับประเทศไทย หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น องค์กรสหประชาชาติหรือสถานทูต
 
- ผู้เสียชีวิตส่งมอบมรดกให้ คู่สมรสตามกฎหมาย ที่มีการจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย
 
ประเภททรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นภาษีมรดก
 
ทรัพย์สินในกองมรดกบางประเภทไม่จำเป็นต้องเสียภาษีมรดก ได้แก่
 
- ทรัพย์สินที่ไม่มีการขึ้นทะเบียนเพื่อระบุชื่อเจ้าของ - เงินสด ทองคำ เครื่องประดับ เพชรพลอย ของสะสม ภาพวาด วัตถุโบราณ ประติมากรรม รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา
 
- เงินค่าสินไหมจากประกันชีวิต - เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นหลังผู้เอาประกันเสียชีวิตแล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินมรดก
 
ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีมรดก ?
 
1. บุคคลธรรมดา
 
- บุคคลที่มีสัญชาติไทย และ บุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทย แต่อาศัยอยู่ในประเทศไทยตามกฎหมาย - ทั้งสองกลุ่มนี้จะต้องเสียภาษีมรดกจากทรัพย์สินทั้งในไทยและต่างประเทศ
 
- บุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทย แต่ได้รับมรดกเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย - กลุ่มนี้จะเสียภาษีมรดกเฉพาะทรัพย์สินที่อยู่ในไทย
 
2. นิติบุคคลสัญชาติไทย
 
- นิติบุคคลที่จดทะเบียนในไทย
- นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
- นิติบุคคลที่มีคนไทยถือหุ้นมากกว่า 50% ของทุนจดทะเบียน
- นิติบุคคลที่มีคนไทยเป็นผู้บริหารมากกว่าครึ่งหนึ่งของคณะบุคคล
 
โดยนิติบุคคลเหล่านี้จะต้องเสียภาษีมรดกจากทรัพย์สินทั้งในไทยและต่างประเทศ
 
3. นิติบุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทย
 
- นิติบุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยแต่ได้รับมรดกจากทรัพย์สินที่อยู่ในไทย จะเสียภาษีมรดกเฉพาะทรัพย์สินที่อยู่ในไทย
 
อัตราการเสียภาษีมรดก
 
ถ้ามูลค่าทรัพย์สินมรดกไม่เกิน 100 ล้านบาท จะไม่เสียภาษี ผู้รับมรดกจะต้องเสียภาษีในส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท โดยอัตราการเสียภาษีมรดกจะขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของมรดกและผู้รับมรดก:
 
- ผู้รับมรดกเป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดาน - พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย บุตรหลาน จะต้องเสียภาษีอยู่ที่ 5%
 
- ผู้รับมรดกเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด - เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง จะต้องเสียภาษีอยู่ที่ 10%
 
ภาษีการให้
 
นอกจากภาษีมรดกที่ถูกเรียกเก็บเมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินหลังการเสียชีวิตของเจ้าของมรดกแล้ว ยังมีภาษีการให้ที่ถูกเรียกเก็บเมื่อเจ้าของมรดกส่งมอบทรัพย์สินในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย โดยเฉพาะทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์:
 
- มอบให้ทายาทตามกฎหมาย - จะต้องเสียภาษี 5% จากส่วนเกินของทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านบาท
 
- มอบให้บุคคลธรรมดา - จะต้องเสียภาษี 5% จากส่วนเกินของทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท
 
การเข้าใจเรื่องภาษีมรดกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวางแผนทางการเงินและการส่งต่อทรัพย์สิน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินมูลค่าสูง การรู้ว่าทรัพย์สินประเภทใดต้องเสียภาษี กรณีใดได้รับการยกเว้น และอัตราการเสียภาษีที่แตกต่างกัน จะช่วยให้คุณวางแผนการส่งต่อทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้รับมรดก
 
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-8.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital
 
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/gKAJJCH7oSo?si=eBNSU5ihcTYa12gl