หนี้สินหมุนเวียน คือ หนี้ที่กิจการต้องชำระคืนภายในระยะเวลา 1 ปี หรือภายในรอบการดำเนินงานปกติของบริษัท ซึ่งไม่เกิน 12 เดือนนับจากวันที่ระบุในงบแสดงฐานะการเงิน
พูดง่าย ๆ คือ หนี้ก้อนนี้เป็นเงินที่ต้องเตรียมจ่ายคืนในระยะเวลาอันใกล้ ไม่ใช่หนี้ที่ยืมยาวๆ ไป 5-10 ปี ธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้เงินทุนของเจ้าของอย่างเดียว แต่ต้องมีการกู้ยืมมาด้วย ซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจะเท่ากับเงินทุนของเจ้าของรวมกับหนี้สิน
หากแบ่งประเภทหนี้ออกเป็น 2 แบบ ก็จะมี:
- หนี้สินหมุนเวียน: ต้องจ่ายคืนภายใน 1 ปี
- หนี้สินไม่หมุนเวียน: มีกำหนดชำระ 1 ปีขึ้นไป
ประเภทของหนี้สินหมุนเวียนที่พบบ่อย
1. เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน
- เงินเบิกเกินบัญชี: เป็นเงินที่ธนาคารอนุญาตให้เบิกเกินยอดฝากตามวงเงินที่ได้รับ โดยสามารถเบิกเงินผ่านบัญชีกระแสรายวัน
- เงินกู้ยืมระยะสั้น (Short-term loans): คือเงินกู้ที่ต้องชำระคืนภายใน 1 ปี
2. ตั๋วเงินจ่าย (Note Payable)
เป็นหนังสือสัญญาที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรระบุจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในอนาคต ซึ่งอาจจะออกให้เจ้าหนี้การค้า ธนาคาร หรือผู้ให้กู้ยืมอื่นๆ
3. เจ้าหนี้การค้า
คล้ายกับการที่เราซื้อของมาแล้วยังไม่ได้จ่ายเงิน กิจการจะต้องชำระค่าสินค้าและบริการให้กับเจ้าหนี้การค้าตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้
4. ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย
เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในรอบบัญชีปัจจุบัน แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินจนกว่าจะถึงรอบถัดไป เช่น ค่าน้ำค่าไฟ เงินเดือนค้างจ่าย ดอกเบี้ยค้างจ่าย หรือภาษีเงินได้ค้างจ่าย
5. เงินปันผลค้างจ่าย
เมื่อบริษัทประกาศว่าจะจ่ายเงินปันผล แต่ยังไม่ได้จ่ายจริง ทำให้เงินปันผลค้างจ่ายกลายเป็นหนี้สินหมุนเวียน และผู้ถือหุ้นมีฐานะเป็นเจ้าหนี้
6. รายได้รับล่วงหน้า
เป็นรายได้ที่กิจการได้รับล่วงหน้า ซึ่งส่วนที่ไม่ใช่รายได้ของรอบบัญชีปัจจุบัน จะถือว่าเป็นหนี้สินหมุนเวียน และจะเป็นรายได้ในรอบบัญชีถัดไป
7. เงินมัดจำและเงินประกัน
เงินหรือหลักทรัพย์ที่กิจการได้รับจากลูกค้าหรือพนักงานเพื่อเป็นหลักประกันว่าจะปฏิบัติตามสัญญาหรือประกันความเสียหาย ซึ่งเมื่อมีการปฏิบัติตามสัญญา จะต้องคืนเงินทั้งหมดหรือบางส่วนภายในไม่เกิน 1 ปี
ความสำคัญของหนี้สินหมุนเวียน
1. การควบคุมสถานการณ์การเงิน
การจัดการหนี้สินหมุนเวียนได้ดีจะช่วยให้ธุรกิจมีความมั่นคงในการควบคุมสถานการณ์ทางการเงิน และช่วยลดความเสี่ยงในการจ่ายหนี้ไม่ทัน
2. การเพิ่มความน่าเชื่อถือ
การจ่ายหนี้ตรงตามเวลาจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดี ดึงดูดคู่ค้าและนักลงทุน
3. การสร้างความสามารถในการเติบโต
หากมีการบริหารหนี้อย่างเหมาะสม เงินสดไม่ติดขัด ทำให้พร้อมลงทุนขยายธุรกิจใหม่ได้
4. การเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ
หากมีเงินหมุนเวียนพอ ก็จะสามารถสนับสนุนทุกกิจกรรมของธุรกิจให้เดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวัดสภาพคล่องทางการเงิน
อัตราส่วนสภาพคล่องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจ่ายหนี้ระยะสั้นของกิจการ โดยดูจาก:
1. อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน (Current Ratio)
สูตร: สินทรัพย์หมุนเวียน ÷ หนี้สินหมุนเวียน
2. อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนเร็ว (Quick Ratio)
สูตร: (สินทรัพย์หมุนเวียน – สินค้าคงเหลือ) ÷ หนี้สินหมุนเวียน
ความแตกต่างของทั้ง 2 อัตราส่วน คือ Quick Ratio จะหักสินค้าคงเหลือออกจากสินทรัพย์หมุนเวียน เนื่องจากสินค้าคงเหลืออาจไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันที
การแปลผล:
- อัตราส่วนมากกว่า 1: บริษัทมีสภาพคล่องดี มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้ระยะสั้น สามารถจ่ายหนี้ระยะสั้นได้
- อัตราส่วนต่ำกว่า 1: มีหนี้สินระยะสั้นมากกว่าสินทรัพย์ อาจมีปัญหาสภาพคล่อง เสี่ยงที่จะต้องกู้เพิ่มหรือขายสินทรัพย์ระยะยาวเพื่อนำเงินมาใช้หนี้
นักลงทุนสามารถดูอัตราส่วนสภาพคล่องของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ ในส่วนของงบการเงินของแต่ละบริษัท โดยควรเปรียบเทียบค่าที่ได้กับค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือค่าจากผลการดำเนินงานย้อนหลังของบริษัทเอง
เทคนิคการบริหารหนี้สินหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพ
1. วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ
การวางแผนการเงินเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจควบคุมหนี้สินได้ จัดการรายรับรายจ่ายให้สมดุล เพื่อลดความเสี่ยงในการจ่ายหนี้สินระยะสั้น
2. ควบคุมการเติบโตของธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์
มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายอย่างมีวิจารณญาณ เช่น เพิ่มการขายสินค้าหรือบริการ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อให้มีเงินสดเพียงพอสำหรับการชำระหนี้ตามกำหนด
3. ใช้เครื่องมือการเงินอย่างเหมาะสม
ใช้ประโยชน์จากโปรแกรมบัญชีหรือที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างถูกต้องในการจัดการหนี้ระยะสั้นให้มีประสิทธิภาพ
หนี้สินหมุนเวียนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินและความสามารถในการทำกำไรของกิจการ ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการหนี้สินหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงและการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-8.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital