การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้กู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายและประหยัดดอกเบี้ย แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจกระบวนการและประโยชน์ที่จะได้รับอย่างชัดเจน บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บ้านที่คุณควรรู้
รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร ?
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การที่ผู้กู้ย้ายสินเชื่อบ้านจากธนาคารเดิมไปขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารใหม่ โดยทั่วไปมักทำหลังจากหมดช่วงดอกเบี้ยโปรโมชั่น 3 ปีแรก วัตถุประสงค์หลักคือการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการกู้ยืมให้ดีขึ้น เช่น:
- ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ
แม้ว่าเราสามารถทำการรีไฟแนนซ์ได้หลายครั้ง แต่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะการรีไฟแนนซ์บ่อยเกินไปอาจนำไปสู่การสะสมหนี้และค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าทุกครั้งก่อนตัดสินใจ
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้าน
การรีไฟแนนซ์บ้านมีข้อดีหลายประการที่เห็นได้ชัดเจน:
1. ช่วยลดอัตราดอกเบี้ย - เมื่อย้ายไปธนาคารใหม่ คุณจะได้รับโปรโมชันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ที่ถูกกว่าเดิม อาจเปลี่ยนจากอัตราลอยตัวเป็นอัตราคงที่ในช่วงแรก
2. ลดยอดผ่อนต่อเดือน - ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ทำให้ภาระการผ่อนต่อเดือนลดลงด้วย
3. ขยายระยะเวลาผ่อน - ช่วยให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายต่อเดือน โดยกระจายภาระการผ่อนให้ยาวนานขึ้น
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน
การรีไฟแนนซ์บ้านมีขั้นตอนสำคัญดังนี้:
1. ตรวจสอบสัญญากู้เดิม - ติดต่อธนาคารเดิมเพื่อขอเอกสารสรุปยอดหนี้ทั้งหมด และตรวจสอบว่าสามารถเริ่มรีไฟแนนซ์ได้เมื่อไร (โดยทั่วไปต้องผ่อนไปแล้วอย่างน้อย 3 ปี)
2. เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายสถาบันการเงิน - พิจารณาอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข และค่าใช้จ่ายจากหลายธนาคาร สอบถามถึงโปรโมชันและเงื่อนไขพิเศษที่แต่ละธนาคารอาจมีความแตกต่างกัน รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ธนาคารอาจยกเว้นให้
3. เตรียมเอกสาร - รวบรวมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หลักฐานรายได้ และเอกสารกรรมสิทธิ์บ้าน
4. ยื่นคำขอสินเชื่อ - กรอกแบบฟอร์มและส่งเอกสารให้กับธนาคารที่เลือก (อาจมีค่าธรรมเนียมในขั้นตอนนี้)
5. รอการพิจารณาและประเมินหลักประกัน - ธนาคารจะตรวจสอบเครดิตและประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ อาจขอเอกสารเพิ่มเติมหากจำเป็น
6. ตรวจสอบข้อเสนอและเจรจาต่อรอง - เมื่อได้รับข้อเสนอ ควรตรวจสอบรายละเอียดและค่าใช้จ่ายทั้งหมด เจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด
7. ทำความเข้าใจและลงนามในสัญญา - อ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขอย่างละเอียดก่อนลงนาม
8. นัดหมายธนาคาร - นัดหมายธนาคารเดิมและธนาคารใหม่ไปพบกันที่กรมที่ดิน เพื่อทำสัญญาไถ่ถอนหนี้เก่า โอนกรรมสิทธิ์ พร้อมทำสัญญาสินเชื่อใหม่ และชำระค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
ค่าใช้จ่ายสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน
เมื่อตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน คุณควรเตรียมค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนี้:
1. ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ - เป็นค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญที่ธนาคารส่งมาประเมินมูลค่าบ้าน โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3,000 - 5,000 บาท (บางธนาคารอาจมีโปรโมชันยกเว้นค่าธรรมเนียมนี้)
2. ค่าจดจำนอง - ค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระให้กรมที่ดินสำหรับการจดทะเบียนจำนองใหม่ คิดในอัตรา 1% ของวงเงินกู้
3. ค่าอากรแสตมป์ - ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้รัฐ คิดในอัตรา 0.05% ของวงเงินกู้
4. ค่าประกันอัคคีภัย - ค่าใช้จ่ายในการทำประกันเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน อัตราเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับมูลค่าทรัพย์สินและระยะเวลาคุ้มครอง โดยปกติอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อปีต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาท
5. ค่าปรับการชำระหนี้ก่อนกำหนดของสินเชื่อเดิม (ถ้ามี) - หากยังอยู่ในช่วงสัญญากับธนาคารเดิม และมีการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนครบกำหนด บางธนาคารอาจเรียกเก็บค่าปรับ โดยทั่วไปอยู่ที่ 1-3% ของยอดหนี้คงเหลือ
6. ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ - บางธนาคารอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการยื่นขอสินเชื่อใหม่ โดยทั่วไปคิดอยู่ที่ 0.25 - 1% ของวงเงินกู้ (หลายธนาคารมักมีโปรโมชันยกเว้นค่าธรรมเนียมนี้)
เคล็ดลับการผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้น
นอกจากการรีไฟแนนซ์ ยังมีวิธีอื่นที่ช่วยให้คุณผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นได้:
1. ผ่อนเกินค่างวดทุกเดือน - ยอดที่ธนาคารกำหนดมาให้จ่ายต่อเดือนเป็นเพียงยอดขั้นต่ำ คุณสามารถจ่ายมากกว่านั้นได้ แม้เพิ่มเพียง 500 - 1,000 บาทต่อเดือน ก็ช่วยลดเงินต้นและดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น เพราะส่วนเกินจะถูกนำไปตัดเงินต้นโดยตรง
2. มีเงินก้อนให้รีบโปะ - เมื่อได้โบนัสพิเศษหรือเงินก้อน ควรแบ่งส่วนหนึ่งมาโปะบ้านเพิ่ม เงินที่โปะไปจะถูกนำไปตัดเงินต้น (บางธนาคารอาจต้องแจ้งว่าให้นำเงินที่โปะเพิ่มไปตัดเงินต้นโดยตรง)
3. ขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม (Retention) - เมื่อผ่อนบ้านครบ 3 ปี พ้นช่วงโปรโมชั่นดอกเบี้ย คุณสามารถเจรจาขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมได้ วิธีนี้ง่าย ไม่ต้องเตรียมเอกสารใหม่ทั้งหมด ใช้เวลาอนุมัติไม่มาก หากเป็นลูกหนี้ที่มีประวัติดี โดยมีค่าธรรมเนียมประมาณ 1-2% ของวงเงินสินเชื่อ
4. ผ่อนให้ตรงเวลา - ดอกเบี้ยบ้านคิดเป็นรายวัน การชำระหนี้ไม่ตรงเวลานอกจากจะทำให้เสียดอกเบี้ยเพิ่มแล้ว การผิดนัดชำระบ่อย ๆ ยังอาจส่งผลเสียต่อเครดิตทางการเงิน ทำให้การขอสินเชื่อในอนาคตทำได้ยากขึ้น
การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นทางเลือกที่ดีในการบริหารจัดการหนี้สินเชื่อบ้าน แต่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความคุ้มค่าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง การวางแผนทางการเงินที่ดี จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการเป็นเจ้าของบ้านโดยปลอดหนี้ได้เร็วขึ้น
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-8.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital