"ผ่อน 0% นาน 10 เดือน" "ผ่อนวันนี้ จ่ายทีหลัง" "ผ่อนดาวน์ 0 บาท" — เราคุ้นชินกับข้อเสนอเหล่านี้จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่การผ่อนจ่ายที่ดูเหมือนจะเป็นทางออกอันชาญฉลาดในการเข้าถึงสินค้าและบริการที่ต้องการ อาจกลายเป็นกับดักทางการเงินที่ใหญ่หลวงหากไม่มีการวางแผนที่ดี
ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน แต่รายได้เฉลี่ยของคนไทยกลับเติบโตในอัตราที่ช้ากว่า การผ่อนจ่ายจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่หลายคนใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการมีบ้าน มีรถ หรือเข้าถึงสินค้าเทคโนโลยีที่ทันสมัย
แต่คำถามสำคัญคือ เราจะผ่อนอย่างไรให้ไม่เป็นภาระ ? เมื่อไหร่ที่การผ่อนจ่ายเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด และเมื่อไหร่ที่มันกลายเป็นหนทางสู่วงจรหนี้สินอันไม่มีที่สิ้นสุด ?
เข้าใจการผ่อนจ่ายในบริบทที่ถูกต้อง
หลายคนมองว่า "คนไทยติดนิสัยผ่อน ผ่อนโดยไม่สนใจเศรษฐกิจ" แต่ความจริงแล้ว มุมมองนี้อาจตื้นเขินเกินไป
คนไทยมีรายได้เฉลี่ยต่ำ ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์และสินค้าจำเป็นหลายอย่างกลับสูงลิบลิ่ว การผ่อนจ่ายจึงไม่ใช่เพียง "นิสัย" แต่เป็น "ความจำเป็น" สำหรับหลายครอบครัว การมองว่าทำไมคนไทยไม่ซื้อของด้วยเงินสด เป็นการมองข้ามข้อจำกัดในชีวิตของแต่ละบุคคล
แม้ทุกคนรู้ดีว่าการซื้อด้วยเงินสดจะประหยัดกว่าในระยะยาว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีกำลังทรัพย์มากพอจะทำเช่นนั้นได้
หนี้ดี VS หนี้ไม่ดี
การผ่อนจ่าย คือการทำสัญญาว่าเราจะจ่ายค่าสินค้าหรือบริการเป็นงวดๆ ซึ่งมักมาพร้อมดอกเบี้ย สินค้าราคาสูงอย่างบ้านและรถยนต์มักใช้วิธีนี้ โดยส่วนใหญ่การผ่อนจ่ายมักผูกกับบัตรเครดิต จึงมีความเสี่ยงสูงที่เราจะเป็นหนี้หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง
แต่การเป็นหนี้ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป หากวางแผนและพิจารณาอย่างรอบคอบ หนี้บางประเภทอาจเป็น "หนี้ดี" ได้
หนี้ดี คือหนี้ที่สามารถสร้างรายได้หรือผลประโยชน์ในอนาคต เช่น:
1. หนี้เพื่อการศึกษา - เป็นการลงทุนกับตัวเอง การมีการศึกษาเพิ่มโอกาสในการมีอาชีพและรายได้ที่ดีขึ้น
2. หนี้เพื่อความมั่นคงระยะยาว - เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีทำเลและสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งสามารถสร้างรายได้และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต
3. หนี้เพื่อการประกอบอาชีพ - เช่น การกู้เงินซื้อรถยนต์เพื่อรับจ้างขนสินค้าหรือหารายได้เสริม
อย่างไรก็ตาม "หนี้ดี" สามารถกลายเป็น "หนี้ไม่ดี" ได้หากไม่วางแผนให้รอบคอบ
กุญแจสำคัญสู่การมีหนี้ที่ดี
สิ่งสำคัญในการพิจารณาว่าหนี้ของคุณเป็นหนี้ดีได้ คือ:
- เลือกสินเชื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ หรือสินเชื่อธุรกิจ
- ศึกษาข้อมูลและอัตราดอกเบี้ย ของแต่ละประเภทสินเชื่อให้ละเอียด
- พิจารณาระยะเวลาในการใช้หนี้ ว่าเหมาะสมและไม่ทำให้เสียเงินมากเกินความจำเป็นหรือไม่
ก่อนตัดสินใจซื้อ พิจารณา 2 ประเด็นสำคัญ
1. "จำเป็น" จริงหรือไม่ ? - สิ่งที่จะซื้อมีประโยชน์จริงๆ หรือเปล่า เพื่อป้องกันความเสียดายในภายหลังที่อาจซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้
2. "ไหว" หรือไม่ ? - มั่นใจว่าการใช้จ่ายครั้งนี้จะไม่กลายเป็นภาระทางการเงินหรือทำให้ขาดสภาพคล่อง
เทคนิค "ซ้อมผ่อนก่อนซื้อจริง" หรือ "ผ่อนลม"
วิธีนี้ช่วยประเมินความพร้อมทางการเงินก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าราคาสูง โดยเฉพาะรายการที่ต้องผ่อนนานหลายปี ซึ่งหลายคนมักประเมินไม่ถูกว่าเมื่อเวลาผ่านไปจะยังผ่อนได้หรือไม่
วิธีการ "ซ้อมผ่อน"
1. คำนวณจำนวนเงินที่ต้องผ่อนจริงๆ ต่อเดือน (เช่น หากกู้ 2,000,000 บาทเพื่อซื้อบ้าน อาจต้องผ่อนประมาณ 11,000 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 30 ปี)
2. แยกเงินจำนวนนั้นออกมาเก็บในบัญชีแยกทุกเดือน
3. ทำเช่นนี้เป็นเวลา 6-12 เดือน
4. ประเมินว่ายังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหรือไม่ มีช่วงเงินตึงมือหรือขาดสภาพคล่องบ้างหรือเปล่า
หากสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายโดยไม่มีปัญหา นั่นแสดงว่าคุณพร้อมสำหรับการซื้อครั้งนี้
คำแนะนำ: โดยทั่วไป เงินผ่อนหนี้ในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ และที่สำคัญคือต้องซื้อของในราคาที่เหมาะสมกับรายได้ของตัวเอง
หลายคนมักคิดแค่ว่าตนเองผ่อนไหวโดยพิจารณาแค่รายได้ แต่ไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายรายเดือนอื่นๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาหนี้สิน เมื่อมีรายจ่ายรวมต่อเดือนมากกว่ารายได้
การผ่อนอย่างฉลาดต้องเริ่มจากการวางแผนและประเมินสถานการณ์ทางการเงินของตนเองอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้การผ่อนเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ ไม่ใช่กับดักที่นำไปสู่วงจรหนี้สินไม่รู้จบ
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-8.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital