ในขณะที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2566 อัตราการเกิดของเด็กไทยกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง สร้างความท้าทายสำคัญทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม บทความนี้จะวิเคราะห์สาเหตุ ผลกระทบ และนโยบายที่ภาครัฐกำลังดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานี้
สถานการณ์ปัจจุบัน: ตัวเลขที่น่าวิตก
จากสถิติการเกิดย้อนหลัง 10 ปีจากกรมการปกครอง พบว่าจำนวนการเกิดทั่วประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่ในปี 2557 มีเด็กเกิด 770,000 คน เหลือเพียง 510,000 คนในปี 2566 และล่าสุดในปี 2567 ซึ่งเป็นปีมังกร แม้จะมีการคาดการณ์ว่าคนจะตัดสินใจมีลูกเพิ่มขึ้น แต่จากตัวเลขพบว่าอัตราการเกิดอยู่เพียง 460,000 คน ซึ่งเป็นอัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดในรอบ 75 ปี
ที่น่ากังวลคือ ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา อัตราการเกิดของไทยน้อยกว่าอัตราการตาย ส่งผลให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะ "ประชากรติดลบ" อย่างเต็มตัว
สาเหตุของการมีบุตรน้อยลง
1. ความไม่มั่นใจในการเลี้ยงดู
คนรุ่นใหม่เริ่มไม่แน่ใจว่าหากมีลูก จะสามารถเลี้ยงดูให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้หรือไม่ ในสภาพแวดล้อมทางสังคมและเศรษฐกิจปัจจุบัน การมีลูกหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งค่าเลี้ยงดู ค่าการศึกษา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้คนที่ไม่มั่นใจในฐานะทางการเงินตัดสินใจชะลอหรือไม่มีลูก
2. การพึ่งพาลูกหลานในวัยชราลดลง
ในอดีต การมีลูกมีความหมายถึงการมี "ไม้เท้ายามแก่" แต่ปัจจุบันแนวคิดนี้เปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่เชื่อว่าสามารถดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น เช่น หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพาลูกหลานลดลง หลายคนเลือกที่จะเก็บออมเงินไว้ดูแลตัวเองยามชราแทนการมีลูก
3. ความต้องการอิสระในการใช้ชีวิต
คู่สมรสรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับอิสระในการใช้ชีวิตมากขึ้น ต้องการท่องเที่ยว ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ การมีลูกอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับไลฟ์สไตล์และความต้องการเหล่านี้
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม
1. การขาดแคลนแรงงาน
เมื่ออัตราการเกิดน้อยลง แรงงานในตลาดก็น้อยลงตาม ส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยตรง เศรษฐกิจไทยอาจเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงเรื่อยๆ จากในอดีตที่เคยเติบโต 5-7% ลดลงเหลือ 3-4% และในอนาคตอาจเหลือไม่ถึง 2% หากไม่สามารถพัฒนาคุณภาพของแรงงานที่มีอยู่
2. ความเหลื่อมล้ำทางสังคมเพิ่มขึ้น
สถิติพบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มากกว่า 50% อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจระดับล่าง เด็กเหล่านี้มักขาดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อชีวิตของเด็กเท่านั้น แต่ยังเป็นการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าของประเทศ
3. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจ้างงาน
บริษัทอาจหันไปพึ่งพาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเครื่องจักรมากขึ้นเพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดแคลน โดยเฉพาะแรงงานทักษะต่ำที่อาจถูกเลิกจ้าง ซึ่งจะยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น นำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมได้ในอนาคต
4. รายได้ภาครัฐลดลง
เมื่อจำนวนแรงงานลดลง รัฐก็จะเก็บภาษีได้น้อยลง ส่งผลให้งบประมาณในการดูแลผู้สูงอายุและเด็กเกิดใหม่ไม่เพียงพอ กลายเป็นวงจรปัญหาที่ยากจะแก้ไข
นโยบายส่งเสริมการมีบุตรของภาครัฐ
กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำวาระแห่งชาติเพื่อส่งเสริมการมีบุตร โดยดำเนินงานในหลายด้าน:
1. ด้านการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีบุตร
- จัดบริการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
- ส่งเสริมการลาของสามี
- ขยายวันลาคลอดของแม่โดยได้รับค่าจ้าง จากเดิม 90 วัน เป็น 98 วัน
2. ด้านการแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
- กำหนดให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนเพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตให้เหมาะสมกับช่วงวัย
- กำหนดว่าการตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ สามารถทำแท้งได้โดยไม่มีความผิดตามกฎหมาย
- ออกกฎกระทรวง "เด็กท้องต้องได้เรียน" เพื่อให้วัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ยังมีโอกาสทางการศึกษา
3. ด้านการคุ้มครองและช่วยเหลือครอบครัว
- จัดสวัสดิการแม่เลี้ยงเดี่ยวและครอบครัวเปราะบาง
- ให้สวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดในครอบครัวยากจน
4. ด้านการเสริมสร้างสุขภาวะและสัมพันธภาพของครอบครัว
- จัดทำระบบเพื่อนครอบครัว รวบรวมและเผยแพร่องค์ความรู้ตามวงจรชีวิตครอบครัว
5. ด้านการบูรณาการภาคีเครือข่าย
- ยกระดับศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนทั่วประเทศ ให้เป็นศูนย์ช่วยเหลือสังคมระดับตำบล
- สร้างระบบครอบครัวพลังบวกและระบบพี่เลี้ยงที่ปรึกษาในชุมชน
แนวทางแก้ไขระยะยาว: "Happy Child – Happy Family – Happy Community"
สมัชชาสุขภาพแห่งชาติได้เห็นชอบกรอบทิศทางนโยบายภายใต้แนวคิด "Happy Child – Happy Family – Happy Community" ประกอบด้วย:
1. สร้างแรงขับเคลื่อนทางสังคม - สร้างค่านิยมร่วมให้เห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กให้เกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพ
2. นโยบายที่เป็นมิตรกับครอบครัว - ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีและดูแลลูกใน 4 มิติ: ด้านเวลา การเงิน ระบบสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตร และด้านกฎหมาย
3. ชุมชนนำ - สร้างสภาพแวดล้อมในชุมชนที่ปลอดภัยและเอื้อต่อกระบวนการเรียนรู้ในการเลี้ยงดูและพัฒนาเด็ก
4. พัฒนาระบบสนับสนุน - เพื่อเป็นฐานในการวางนโยบายและแนวทางการพัฒนาเด็กที่มีประสิทธิภาพในระยะต่อไป
การแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำของไทยเป็นความท้าทายระดับชาติที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่เพียงเพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนมีลูกเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างระบบสนับสนุนที่ครอบคลุม เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กที่เกิดมาจะได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพและเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต
การลงทุนในคุณภาพประชากร ทั้งเด็กและครอบครัว จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับอนาคตของประเทศไทย
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-8.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่