logo ข่าวเย็นประเด็นร้อน

“อัจฉริยะ” เตรียมแฉ ! สาเหตุการเสียชีวิต “อดีตผู้กำกับโจ้” | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ข่าวเย็นประเด็นร้อน : ข่าวเย็นประเด็นร้อน - รัฐมนตรียุติธรรม ยืนยันไม่ปกป้องคนผิด คดีอดีตผู้กำกับโจ้เสียชีวิตในเรือนจำ พร้อมชี้แจงปมพูดผิด มีผู้ห ช่อง7,ช่อง7HD,CH7,CH7HD,7HD,CH7HDNEWS,ข่าว,ข่าว7,ข่าวช่อง7,ข่าววันนี้,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ข่าวเด็ด,ข่าวร้อน,ข่าวไทย,ข่าวออนไลน์,ข่าวโซเชียล,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวการเมือง,ดูทีวีย้อนหลัง,ดูรายการย้อนหลัง,ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,TERODigital,ข่าวเย็นประเด็นร้อน,สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์,เปรมสุดา สันติวัฒนา,ทิน โชคกมลกิจ,จีรนันท์ เขตพงศ์,สันติวิธี พรหมบุตร,บุญชงสงตอบ,ทนายบุญ

106 ครั้ง
|
11 มี.ค. 2568
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - รัฐมนตรียุติธรรม ยืนยันไม่ปกป้องคนผิด คดีอดีตผู้กำกับโจ้เสียชีวิตในเรือนจำ พร้อมชี้แจงปมพูดผิด มีผู้หญิงอยู่ในห้องขังข้างห้องผู้เสียชีวิต แต่เป็นกลุ่มเพศทางเลือก LGBTQ+
 
คดีที่ อดีตผู้กำกับโจ้ พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ เสียชีวิตในเรือนจำ ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการฆ่าตัวตายจริงหรือไม่ หรือมีแรงกดดันอะไร ให้ต้องก่อเหตุแบบนั้น โดยหลายฝ่ายเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ เปิดวงจรปิดตัวเต็มในแดน 5 ของเรือนจำกลางคลองเปรม
 
ประเด็นนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า วงจรปิดตัวเต็ม พนักงานสอบสวนเอาเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดไปแล้ว เนื่องจากเป็นการตายผิดธรรมชาติ หากสื่อสงสัย ก็ขอให้ราชทัณฑ์เปิดให้ดูทั้งหมด ให้ดูทุกแง่ทุกมุม แต่ส่วนที่ตำรวจยึดไป อาจต้องประสานพนักงานสอบสวนเอง
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่ากระทรวงยุติธรรมไม่ได้ปกป้องบุคลากรและองค์กรของตัวเอง เนื่องจากการให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนรายวัน พันตำรวจเอก ทวี ยืนยันว่า ไม่คิดจะปกป้อง แต่อยากช่วยตรวจสอบให้ความจริงปรากฏ อีกทางเราต้องการปฏิรูปกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว
 
ถามว่า ผบ.เรือนจำ ที่เป็นคู่กรณีกับอดีตผู้กำกับโจ้ จากกรณีญาติไปร้อง ป.ป.ช. จะต้องสั่งให้ย้ายออกจากตำแหน่งก่อนหรือไม่ พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน และ ผบ.เรือนจำ ก็เพิ่งมารับตำแหน่ง
 
ถามอีกว่า ผบ.เรือนจำ ได้ชี้แจงหรือไม่ว่า เหตุใดหลังได้รับเรื่องร้องเรียน ถึงไม่ทำอะไรเลย พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า รอให้เป็นหน้าที่คณะกรรมการในการสอบสวน ต้องฟังความ 2 ฝั่ง
 
ถามถึงกรณีสิ่งของที่ทางเรือนจำอนุญาตให้ผู้ต้องขังนำไปใช้ได้ โดยเฉพาะผ้าขนหนูที่ผู้เสียชีวิตใช้ แตกต่างจากเรือนจำอื่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ผ้าขนหนูที่กรมราชทัณฑ์แจกให้คนละ 1 ผืน ซึ่งรายละเอียดแต่ละเรือนจำก็ว่าไป แต่จะให้มีการสอบสวนว่าเรือนจำไหนไม่แจก มีเหตุผลอะไร พร้อมยืนยันว่า ผ้าขนหนูเป็นของหลวง ไม่ใช่ของผู้ต้องขัง ซึ่งเรือนจำต้องดูแลทั้งเรื่องการกิน การอยู่ การนอน รวมถึงเสื้อผ้า
 
พร้อมย้ำว่า ผ้าขนหนูไม่ว่าจะเป็นแดนไหน ต้องมีขนาดเดียวกัน แต่บางเรือนจำก็ไม่ให้มีขนาดใหญ่เกินไป เป็นเหตุผลของแต่ละเรือนจำ ผ้าขนหนูที่มีขนาด 30-40 นิ้ว ทางเรือนจำเป็นคนซื้อให้ ส่วนที่มีอดีตผู้ต้องขังออกมาให้ความเห็นว่าผ้าขนหนูเป็นคนละขนาด ต้องไปดูยุคสมัยด้วย แต่นี่คือสมัยนี้
 
พันตำรวจเอก ทวี ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีเมื่อวานนี้ให้สัมภาษณ์ที่กระทรวงยุติธรรม บอกว่า ผู้ต้องขังที่อยู่ห้องข้าง ๆ ห้องผู้เสียชีวิต เป็นช่วงที่มีประจำเดือน จึงถูกแยกมานอน
 
ซึ่งประเด็นนี้ ผู้สื่อข่าวได้ตั้งคำถามขึ้นมาทันทีว่า แดนผู้ต้องขังชายจะมีผู้หญิงได้อย่างไร พันตำรวจเอก ทวี น่าจะนึกขึ้นได้ เลยอธิบายว่าไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็นกลุ่มเพศทางเลือก LGBTQ+ และยอมรับว่า จำข้อมูลสับสน 
 
ซึ่งวันนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงประเด็นนี้อีกครั้งว่า ข้อมูลที่พูดไปวานนี้ คลาดเคลื่อน เพราะในเรือนจำมีนักโทษเป็น LGBTQ+ ประมาณ 88 คน แปลงเพศแล้ว 18 คน ขณะนั้นยืนอยู่กับปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ยินเสียงนักโทษห้องข้าง ๆ ไม่ค่อยชัดเจน จึงสั่งการให้ปลัดกระทรวงไปพูดคุย เจตนาคือการหาพยานในที่เกิดเหตุ เพียงแต่ภาพที่เห็นคล้ายผู้หญิง จึงเข้าใจคลาดเคลื่อน
 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมบอกด้วยว่า ขอให้ความมั่นใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและสังคมว่าจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ตรงไปตรงมา เรือนจำไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร
 
เมื่อถามว่า อยากชี้แจงระเบียบที่ ผบ.เรือนจำ กล่าวอ้างว่าไม่สามารถให้ตำรวจเข้าสอบสวน หลังได้รับการร้องเรียนได้นั้น พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์มีระเบียบ คนจะเข้าราชทัณฑ์ หากไม่มีหมายจำคุกก็เข้าไม่ได้ คนที่จะเข้าเยี่ยมก็ต้องมีการขออนุญาตจาก ผบ.เรือนจำ ฉะนั้นการเข้าไปสอบสวน ก็มีระเบียบ แต่การสอบสวนเป็นกฎหมายที่ใหญ่กว่ากฎหมายราชทัณฑ์ จึงต้องให้ความร่วมมือ ใครบกพร่องต้องถูกดำเนินการ แต่ต้องไม่เอาความรู้สึกไปตัดสิน ต้องรอผลตรวจสอบจากคณะกรรมการ
 
ส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ น้องสาวและแฟนสาว พร้อม นายวีระศักดิ์ นาคิน ทนายความของอดีตผู้กำกับโจ้ ยื่นคำร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิต ตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย พร้อมให้ข้อมูลประเด็นข้อสงสัย รวมถึงข้อเท็จจริง ที่อาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
 
แฟนของอดีตผู้กำกับโจ้ ระบุว่า การที่มาร้องดีเอสไอ ไม่ใช่ไม่มั่นใจการทำงานตำรวจ แต่ต้องการให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.อุ้มหาย เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งสาเหตุการเสียชีวิต และกรณีถูกทำร้ายจากผู้คุมเรือนจำ รวมถึงความกดดันต่าง ๆ เพราะมองว่าภายในเรือนจำเป็นแดนสนธยา
 
นอกจากนี้ ต้องการให้กระทรวงยุติธรรมย้ายผู้คุม ที่เป็นคู่กรณี ผบ.เรือนจำคลองเปรม ออกจากพื้นที่ เพราะที่ผ่านมาได้ร้องเรียนเรื่องถูกทำร้ายมาแล้ว แต่ไม่เคยได้รับการตอบสนองใด ๆ
 
ส่วนผลตรวจทางพยาธิวิทยา และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ยังไม่ได้รับ ต้องใช้เวลาตรวจอีกอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ ส่วนกรณีผ้าขนหนูที่ใช้ก่อเหตุ ยังไม่ได้รับข้อมูล ต้องรอผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน แต่ขอยืนยันว่าทางครอบครัวไม่เคยซื้อผ้าขนหนู หรือของใช้ส่วนตัวให้อดีตผู้กำกับโจ้ เพราะเป็นกฎของราชทัณฑ์ แต่นำเงินไปฝากเข้าบัญชีให้ตลอด
 
ทั้งนี้ ทางครอบครัวอดีตผู้กำกับโจ้ยืนยันว่า ไม่เคยมอบหมายให้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม เข้ามาร่วมในคดีนี้ และไม่ทราบว่านายอัจฉริยะเป็น 1 ใน 10 รายชื่อที่ได้เข้าเยี่ยมอดีตผู้กำกับโจ้ในเรือนจำหรือไม่ แต่หากได้รับการมอบหมายจริง คาดว่าเป็นคดีเก่า ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริต ไม่ใช่คดีการเสียชีวิตและคดีถูกทำร้ายร่างกายอย่างแน่นอน
 
ขณะที่นายอัจฉริยะมีการเปิดเผยหนังสือมอบอำนาจ จากอดีตผู้กำกับโจ้ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ให้มีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดอดีตตำรวจยศ พลตำรวจตรี นายหนึ่ง พร้อมพวก กรณียึดเอารถไป 13 คัน พร้อมเปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับอดีตผู้กำกับโจ้ในเรือนจำ ทำให้ทราบว่าผู้เสียชีวิตได้มีการหาเงินให้บุคคลบางกลุ่ม สมัยรับราชการอยู่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6
 
ทั้งนี้ ช่วงที่อดีตผู้กำกับโจ้มอบตัว มีอดีตตำรวจคู่กรณีนายนี้ คอยพูดหว่านล้อมว่าจะช่วยดูแลเรื่องคดีให้ กระทั่งถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ จึงมีการแจ้งว่า หาทนายความได้แล้ว ค่าจ้างทนายอยู่ที่ 8 ล้านบาท รวมถึงมีการนำรถหรู 1 คันของผู้เสียชีวิต ไปขาย โดยผู้เสียชีวิตไม่ทราบเรื่องมาก่อน ทำให้รู้สึกว่าโดนหลอก และคดีฟ้องร้องดังกล่าว ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีธงอยู่แล้วว่าจะไม่เอาผิดตำรวจคู่กรณีผู้เสียชีวิต
 
ช่วงที่ถูกคุมขัง อดีตผู้กำกับโจ้ยังคงติดความเป็นตำรวจ เมื่อเห็นอะไรไม่ถูกต้อง มักจะร้องเรียน แล้วปรึกษาครอบครัว ทนายความ รวมถึงตนเอง ก่อนจะมีการประสานขอย้ายจากแดน 7 มายังแดน 5 ด้วยความสมัครใจ เพราะอยากอยู่คนเดียว ซึ่งกรณีที่ผู้เสียชีวิตมีปัญหาในเรือนจำ จะเกิดขึ้นในแดน 7 ไม่ใช่แดน 5
 
ล่าสุด กรมราชทัณฑ์เปิดห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 ในเรือนจำคลองเปรม ของอดีตผู้กำกับโจ้ ให้ผู้สื่อข่าวได้บันทึกภาพเพียงแค่หน้าประตู ไม่อนุญาตให้เข้าไปด้านใน แต่ได้เปิดห้องที่อยู่ติดกันคือห้องหมายเลข 51 ซึ่งเป็นห้องขังของนักโทษ LGBTQ+ ในคดียาเสพติดที่ย้ายออกไปก่อนที่จะให้ทีมข่าวเข้าไปสังเกตการณ์ด้านใน ซึ่งห้องนี้ จะมีลักษณะทางกายภาพเหมือนกับห้องของอดีตผู้กำกับโจ้
 
ในห้องขังหมายเลข 50 ของอดีตผู้กำกับโจ้ เปิดประตูเข้าไป ยังพบข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของอดีตผู้กำกับโจ้วางอยู่ปกติ มีผ้าห่ม 2 ผืน รองเท้า 1 คู่ สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม ขันน้ำ คูลเลอร์ใส่น้ำ มีพัดลมเพดาน พัดลมระบายอากาศ
 
ส่วนห้องขังหมายเลข 51 มีผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพหลายสำนัก ซึ่งจุดที่น่าสนใจคือประตูห้องขังที่เป็นลูกกรง ถูกปิดด้วยแผ่นเหล็กทึบ เขียนเลขห้องไว้ด้านหน้า จุดนี้ทีมข่าวสังเกตว่า ระหว่างซี่ลูกกรงกับแผ่นเหล็ก ที่มีความสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร มีความห่างมากพอที่จะสอดชายผ้าขนหนูเข้าไปไปผูกกันได้ ซึ่งจุดนี้ทางผู้คุมบอกว่า เป็นจุดที่อดีตผู้กำกับโจ้ใช้ในการจบชีวิตตัวเอง
 
พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบายว่า ในห้องหมายเลข 51 มีผ้า 3 ผืน ที่เห็นนั้นเป็นผ้าที่ใช้ปูนอน ทำเป็นหมอนหนุนหัวและผ้าห่ม และสามารถมีได้อีก 1 ผืน เพื่อเป็นผ้าสำหรับอาบน้ำ
 
เหตุผลที่พาผู้สื่อข่าวเข้ามาดู เพื่อให้คลายความสงสัยทั้งหมดว่าห้องของผู้ต้องขังที่ถูกแยกขังนั้น เป็นห้องแยกการควบคุม ไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว ซึ่งการที่ย้ายผู้กำกับโจ้มาที่แดน 5 ก็เป็นไปตามความประสงค์ของผู้กำกับโจ้ หลังเกิดเหตุกระทบกระทั่งที่แดน 7
 
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.30-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35