คุมตัวฝากขัง “แก๊งสาดน้ำซุป” เหยื่อใหม่โผล่แฉพฤติกรรมอื้อ | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

161 ครั้ง

11 ก.พ. 2568

แชร์ข่าวไปที่

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ความคืบหน้ากรณี นักศึกษารุ่นน้องถูกรุ่นพี่ LGBTQ+ สาดน้ำร้อนใส่ หลังเป็นข่าว ปรากฏว่ามีเหยื่อใหม่ ๆ ออกมาแฉพฤติกรรม “พีม” และคนรอบตัว กระทั่งเมื่อคืนนี้ ตำรวจ สภ.คลองหลวง ตามไปจับกุมเพิ่มอีก 6 คน รวมเป็น 8 คน ล่าสุดคุมตัวไปฝากขังแล้ว

ไร้คำขอโทษ ! พีม-พวก 8 คน แก๊งสาดน้ำซุป

ตำรวจ สภ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จัดกำลังกว่า 10 นาย พร้อมนำแผงเหล็กมากั้น 2 ข้าง และขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้อยู่ในพื้นที่ เพราะกลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายระหว่างคุมตัวไปฝากขัง “พิมเจล” เดินนำหน้ามาคนแรก เจ้าตัวเองไม่ตอบคำถามสื่อ รวมถึงไม่ขอโทษต่อสิ่งที่ทำลงไป

จากการสังเกต ทุกคนต่างเดินก้มหน้า โดยมี นางสาวอุ้มบุญ สวมเสื้อฮู้ด สีดำ เดินตามออกมาเป็นคนที่ 2 ต่อมาคนที่ 3 คือ นางสาวแบม สวมเสื้อคุมแขนยาวสีเทา ปิดบังใบหน้า คนที่ 4 คือ นายพอล สวมหมวกแก๊ป หน้ากากอนามัย คนที่ 5 คือ นายไอซ์ คนที่ 6 คือ นายจั๊ก เดินเกาะไหล่ นายพีม ที่เดินออกมาเป็นคนที่ 7 และคนสุดท้ายคือ นายโอชิ สวมเสื้อคลุมฮู้ดสีขาว

ระหว่างคุมตัวขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า มีใครอยากพูดอะไร หรือสารภาพหรือไม่ มีเพียงคนเดียวที่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ นายไอซ์ ส่วนคนอื่นนิ่งเงียบ

อย่างที่ทราบกันดี 1 ใน 8 คนนี้ มี นางสาวกันยาพัชร หรือ พิมเจล เป็นถึงนักแสดงซีรีส์ ทางต้นสังกัดชี้แจ้งว่าจนกว่าจะได้ข้อสรุป จึงขอพักงาน โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากพบว่าผิดจริงจะดำเนินการตามมาตรการสูงสุด

แม่พีม ยันไม่ยื่นประกันตัว ถือเป็นบทเรียน

ขณะที่เมื่อเช้านี้ พ่อและแม่ของพีม มาเยี่ยมลูก พร้อมนำหมูย่างมาให้ แม่บอกว่าลูกเครียดน้อยลงกว่าเมื่อวาน ขอยืนยันคำเดิมว่าจะไม่ยื่นประกันตัว ให้ทำใจรับสภาพ ถือเป็นบทเรียนในชีวิต รวมถึงไม่มีกำลังทรัพย์

เบื้องต้นยังไม่เจอผู้เสียหาย แต่อยากขอโทษทุกคน รวมถึงผู้ปกครองทุกท่าน สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นความบกพร่องของแม่เองที่ห่างเหินลูก เข้มงวดไม่เต็มที่ เพราะมัวแต่ทำงาน เนื่องจากมหาวิทยาลัยที่ลูกเรียนค่าเทอมแพง เดือนไหนเงินไม่พอก็ไปกู้มาให้ เฉลี่ยแต่ละเทอม ประมาณ 50,000-100,000 บาท ยังไม่รวมค่าหอพักอีกเดือนละกว่า 10,000 บาท

เพิ่งทราบภายหลังว่าลูกเรียนจบปี 4 แต่ยังไม่ได้รับปริญญา กำลังจะรับสิ้นปีนี้ ส่วนที่ขอค่าเทอมไป คือ กลับมาเรียนปี 1 ใหม่ คณะเดียวกัน แต่คนละสาขา ส่วนที่มหาวิทยาลัยไล่ออก ลูกน่าจะทราบแล้ว

เชื่อ “พีม” สำนึกผิด อยากให้กลับตัว

นอกจากนี้ ทีมข่าวพูดคุยกับเพื่อนของพีม บอกว่า รู้จักกันมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นพีม มีพฤติกรรมแบบนี้ แต่พอมาเห็นข่าวก็รับไม่ได้ที่ไปมาทำร้ายคนอื่น แต่ตอนนี้เชื่อว่าคงสำนึกผิดแล้ว

เอาผิดแก๊ง “พีม” จาก 4 คดีหลัก

ด้านคดี พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า ตอนนี้ดำเนินคดีไป 4 คดี หลัก ๆ มีผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน ผู้ต้องหาบางคนยังปฏิเสธ ส่วนที่เราดำเนินการไปนั้นเป็นไปตามพยาน หลักฐาน ทั้งพยานบุคคล และนิติวิทยาศาสตร์ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาต่างกัน

โดยผู้ต้องหลัก 2 คน คือ พีม และ โอชิ จะถูกแจ้งข้อหาทั้งหมด 4 คดีเลย ส่วน 6 คนที่จับกุมมาเมื่อวานนี้ ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วน พีม รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ส่วนของโอชิก็จะรับเรื่องแค่ทำร้ายร่างกาย กรณีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ยังปฏิเสธอยู่

ยอมรับขายบุหรี่ไฟฟ้า แต่ไม่ได้พอร์ตเค

ส่วนกรณีที่มีกระแสว่า นายพีมกับเพื่อน ร่วมหุ้นกัน ขายพอร์ตเค (คือ บุหรี่ไฟฟ้า ที่เปลี่ยนน้ำยา เป็นยาเค หรือเคตามีน) ทาง ผู้กำกับการ สภ.คลองหลวง เผยว่า ได้พูดคุยกับเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนแล้ว คือ ซีเต้และปาเต้ ยอมรับว่า ร่วมกันลงทุนขายบุหรี่ไฟฟ้าจริง แต่ไม่ได้ขายพอร์ตเค และไม่ได้จ่ายส่วยให้ตำรวจ เป็นเพียงการพูดเพื่อโชว์พาวเวอร์

คลิปเสียงไซยาไนด์ เป็นแค่การข่มขู่เหยื่อ

ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีที่ พีม ได้พูดคุยกับ ปาเต้ คล้ายเป็นการวางแผนว่าจะลงโทษกับผู้เสียหายแบบวัดดวง โดย นายพีม จะวางไซยาไนด์กับน้ำยาล้างห้องน้ำเอาไว้ 2 แก้ว แล้วให้ผู้เสียกินเข้าไป จากนั้นจะมีคนรอดตาย 3 คน และตายจริง ๆ 2 คน

เรื่องนี้ ผู้กำกับการ สภ.คลองหลวง บอกว่า ได้สอบปากคำ นายปาเต้ แล้ว บอกว่า เสียงที่อยู่ในคลิปที่พูดถึงไซยาไนด์ไม่ใช่เสียงตัวเอง เป็นเสียงของนายพีมคนเดียว ไม่มีบุคคลอื่น ตำรวจจึงได้สอบปากคำจากกลุ่มผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่าไม่มีเรื่องไซยาไนด์ ไม่มีการเอามาให้เหยื่อดื่ม แต่ที่พูดแบบนั้นเพราะเป็นการข่มขู่ให้เหยื่อกลัวเท่านั้น

ไล่ออก ! มือตัดผม พ้นสภาพนักศึกษา

ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 เรื่อง ผลการพิจารณาโทษทางวินัย นักศึกษากรณีทำร้ายร่างกายและตัดผมผู้อื่น โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ผู้ก่อเหตุที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ในบริเวณลานจอดรถภายนอกมหาวิทยาลัยและกระทำการตัดผมผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม เข้าข่าย ความผิดและเป็นการละเมิดต่อกฎหมายเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ เสรีภาพ จึงพิจารณาโทษสูงสุด มีคำสั่งให้นักศึกษาผู้กระทำความผิดพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา และจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) เป็นต้นไป

ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35