“สส.ปูอัด” ยังเงียบ ! เหตุคดีล่วงละเมิดทางเพศ อ้างสาวสมยอม | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - สส.ปูอัด ยังเงียบ ส่งคนใกล้ชิดชี้แจงแทน รับมีเพศสัมพันธ์สาวไต้หวันจริง แต่อ้างว่าเป็นการสมยอม เผยเตรียมเข้ารายงานตัวที่เชียงใหม่ ก่อน 20 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมแฉถูกตำรวจเรียก 400,000 แลกปิดคดี

 

จากกรณี นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ถูกออกหมายจับจากคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่จนถึงขณะนี้เจ้าตัวยังไม่ออกมาแสดงตัวหรือให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ

 

ขณะเดียวกันก็เริ่มมีการปล่อยคลิปภาพกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วง 01.00 น. วันที่ 9 มกราคม จะเห็น สส.ปูอัด อยู่ในผับกับสาวคู่กรณี ทั้งคู่นั่งดื่มสังสรรค์ มีการโอบเอวเต้นอย่างสนุกสนาน คาดว่าหญิงสาวจะมีอาการมึนเมา เนื่องจากเพื่อนผู้เสียหายได้นำน้ำเปล่ามาให้ดื่มด้วย

 

จากนั้นช่วง 01.39 น. สส.ปูอัดเดินพา 2 สาวไต้หวันไปส่งที่โรงแรมที่เกิดเหตุ โดย สส.ปูอัด เดินจูงมือนักท่องเที่ยวสาวเสื้อสีดำด้วย ใช้เวลาอยู่ที่โรงแรมประมาณ 20 นาที ก่อนจะเดินออกมาคนเดียว

 

ล่าสุด เพื่อนของ สส.ปูอัด แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้เจ้าตัวยังอยู่ในกรุงเทพฯ รอวันไปมอบตัวที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ และจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งเดียวที่ จังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า สส.ปูอัด ยังไม่มีความคิดจะลาออกจากตำแหน่ง หลังเพื่อนสมาชิกกดดันไม่ให้ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง

 

เพื่อนของ สส.ปูอัด อ้างว่ามีตำรวจเรียกรับเงิน 400,000 บาทแลกกับการยุติคดีตั้งแต่เดือนมกราคม เพราะ สส.ปูอัด ได้เดินทางกลับไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่รู้ว่าถูกแจ้งความดำเนินคดี แต่เมื่อไม่จ่ายเงินก็กระโดดจากหมายเรียกเป็นหมายจับเลย  ยอมรับว่าทั้ง 2 คนมีเพศสัมพันธ์กันจริง แต่อ้างว่าเป็นการสมยอม และในห้องมี 3 คน คือ สส.ปูอัด สาวชาวไต้หวัน และเพื่อนสาวของหญิงชาวไต้หวัน  ถ้าเป็นการข่มขืนจริง ทำไมเพื่อนเธอจึงไม่ช่วย และคืนนั้นหญิงชาวไต้หวันได้เดินออกมาส่ง สส.ปูอัด ที่หน้าห้อง แต่น่าเสียดายที่ทางโรงแรมแจ้งว่ากล้องวงจรปิดเสีย ทำให้ไม่มีหลักฐาน

 

ประเด็นหนึ่งที่ สส.ปูอัด ตั้งข้อสังเกตคือ หลังเกิดเหตุตำรวจไม่ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานแวดล้อมเลย ฟังแต่คำให้การของผู้เสียหาย แน่นอนว่าการตรวจร่างกายย่อมเจออสุจิอยู่แล้ว ทำให้ สส.ปูอัด ทีมงาน และทนายความต้องลงพื้นที่ไปเก็บหลักฐานเอง

 

ถ้าจากคลิปวงจรปิดที่ถูกปล่อยออกมาจะเห็นได้ว่า สส.ปูอัด ไม่มีท่าทีมึนเมา สามารถเช็กกับทางร้านอาหารได้ว่าคืนนั้น สส.ปูอัด ไม่ได้สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงเชื่อว่าเขามีสติครบถ้วน แต่ที่ไม่ออกมาแถลงตอนนี้ เพราะกระแสสังคมยังแรงอยู่ พูดอะไรออกมาก็คงไม่ฟัง

 

ล่าสุด พันตำรวจเอก ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ออกมาโต้กลับ กรณีที่นายไชยามพวาน หรือ สส.ปูอัด กล่าวหาว่าถูกตำรวจเรียกเงิน 400,000 บาท กรณีนี้ไม่เป็นความจริง จึงอยากให้คนสนิท สส.ปูอัด ที่ออกมากล่าวหา นำหลักฐานมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ หรือผู้บังคับบัญชาได้ หากพบมีการเรียกรับเงินในคดีนี้จริง ตำรวจคนไหนเกี่ยวข้องก็ไม่เอาไว้แน่นอน จะดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัย แต่หากเป็นคำกล่าวอ้าง คนที่ให้ข้อมูลก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน 

 

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก โพสต์ถึงประเด็นดังกล่าวว่า ด่วน!! ผู้หมวดหญิง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ เตรียมกล่าวโทษคนปากพล่อย กล่าวหาตำรวจรีดเงิน 400,000 คดีล่วงละเมิดสาวไต้หวัน #ผู้เสียหายก็ผู้หญิงเหมือนกัน และรู้ตัวคนก่อเหตุเป็นใคร ใครจะกล้าเรียกรับ

 

ล่าสุด นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับนายไชยามพวาน ฐานข่มขืนสาวไต้หวันว่า ยังไม่ได้รับหมายจับ ถ้าได้รับหนังสือจะรีบดำเนินการโดยด่วน แต่ถ้าเป็นคดีที่เข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ที่ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือ ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ประธานสภาไม่จำเป็นต้องหารือในที่ประชุมสภา เจ้าหน้าที่สามารถเข้าจับกุมได้เลย แต่ต้องเป็นหนังสือจากศาลเช่นเดียวกับคดีตากใบ แต่ถ้าเป็นหนังสือจากตำรวจอย่างเดียว จะต้องหารือที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติ ซึ่งเมื่อมีหนังสือมาถึงต้องบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมภายใน 15 วัน โดยมาถึงวันนี้น่าจะบรรจุเข้าที่ประชุมได้ในสัปดาห์หน้า โดยจะบรรจุเป็นเรื่องด่วนเพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมสภา

 

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายวันนอร์ กล่าวว่า สส.เป็นคนที่ต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าบุคคลทั่วไป แต่ก็ต้องดูข้อเท็จจริงในหนังสือที่จะส่งมาก่อนว่าเป็นอย่างไร