ประกันบ้านเป็นหนึ่งในประกันภัยที่ช่วยปกป้องทรัพย์สินมีค่าของคุณ โดยให้ความคุ้มครองทั้งตัวบ้านและทรัพย์สินภายในจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม พายุ หรือแผ่นดินไหว
ประเภทของประกันบ้าน
1. ประกันภัยโครงสร้างบ้าน (Building Insurance)
- คุ้มครองเฉพาะส่วนโครงสร้างถาวร เช่น ผนัง หลังคา
- ไม่รวมทรัพย์สินภายในบ้าน
2. ประกันภัยทรัพย์สินภายในบ้าน (Contents Insurance)
- คุ้มครองเฉพาะทรัพย์สินภายใน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์
- ครอบคลุมกรณีโจรกรรมและอุบัติเหตุต่างๆ
3. ประกันภัยแบบครอบคลุม (Comprehensive Insurance)
- คุ้มครองทั้งตัวบ้านและทรัพย์สินภายใน
- เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
4. ประกันภัยเฉพาะเหตุการณ์ (Specific Perils Insurance)
- คุ้มครองเฉพาะเหตุการณ์ที่ระบุในกรมธรรม์
- มีค่าเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าแบบครอบคลุม
5. ประกันภัยความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก (Liability Insurance)
- คุ้มครองกรณีบุคคลภายนอกได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหายในพื้นที่บ้าน
ใครควรทำประกันบ้าน ?
ประกันบ้านถือเป็นประกันทางเลือก แต่เหมาะสำหรับผู้ที่:
- อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ
- มีบ้านมูลค่าสูง
- ใช้บ้านเป็นแหล่งรายได้หรือทรัพย์สินสำคัญ
- มีภาระผูกพันกับธนาคาร (บ้านติดจำนอง)
7 ขั้นตอนเลือกประกันบ้านอย่างชาญฉลาด
1. ประเมินความต้องการ
- พิจารณาสิ่งที่ต้องการคุ้มครอง
- ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน
- วิเคราะห์ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ
2. ศึกษาประเภทประกัน
- เลือกรูปแบบที่เหมาะกับความต้องการ
3. เปรียบเทียบความคุ้มครองและข้อยกเว้น
- ตรวจสอบความคุ้มครองหลัก
- ศึกษาข้อยกเว้นในกรมธรรม์
- พิจารณาทุนประกันและวงเงินชดเชย
4. เปรียบเทียบเบี้ยประกันจากหลายบริษัท
5. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน
6. พิจารณาความยืดหยุ่นและโปรโมชั่น
- ความสามารถในการปรับเปลี่ยนแผน
- สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม
7. ศึกษาเงื่อนไขการเคลมและบริการหลังการขาย
- ขั้นตอนการเคลม
- ระยะเวลาดำเนินการ
การตัดสินใจทำประกันบ้านควรพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงและความสามารถในการรับภาระค่าใช้จ่าย หากบ้านอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและคุณมีเงินสำรองเพียงพอสำหรับการซ่อมแซมในอนาคต การทำประกันบ้านอาจไม่จำเป็น
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่