สาววัย 17 ถูกรถชนบาดเจ็บสาหัสต้องนอนติดเตียง ถูกประกันเบี้ยวจ่ายไม่มีเงินรักษา สุดท้ายพ่อที่ป่วยหนักต้องสละชีวิตเพื่อลูก
วันที่ 30 ม.ค. 68 คุณ กิรติกาญจน์ เรืองศรี (ขิม) นายจ้างของผู้บาดเจ็บ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า คุณลินดาทำงานกับตน วันที่เกิดเหตุเจ้าตัวลางานไปสอบแล้วถูกรถชน ต้องรอนานกว่า 3 วัน เนื่องจากไม่มีเงินรักษา จนได้ผ่าตัดแล้วกลับบ้านไปรักษาต่อที่บ้าน โดยในบ้านมีกันแค่ 2 คน พ่อ-ลูก โดยคุณลินดาต้องนอนติดเตียงตลอดเวลาระหว่างการรักษา ทำให้คุณพ่อต้องคอยดูแลจนป่วยหนักเป็นมะเร็งระยะที่ 4
คุณพ่อพยายามตามเรื่องให้ลูกสาวตลอด และขอเคลมประกันของรถคู่กรณีแต่ถูกบ่ายเบี่ยงตลอด ตนก็พยายามช่วยเหลือให้อย่างเต็มที่ โดยพาคุณลินดาที่นอนติดเตียงไปด้วยทุกครั้ง สุดท้ายประกันตกลงจ่ายเงินเพียง 1.5 แสนบาท จากที่เรียกร้องไป 8 แสนบาท ทั้งที่ต้องเจรจาหาหลักฐานเอกสารเองมากว่าสิบครั้ง ก่อนคุณพ่อเสียชีวิตได้ฝากให้ตนช่วยเหลือคุณลินดาต่อไป
คุณ เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจฯ สายไหมต้องรอด เล่าว่า หลังจากที่คุณลินดาประสบอุบัติเหตุ คุณพ่อต้องช่วยดูแลตลอดเนื่องจากมีกันแค่ 2 คน จนกระทั่งคุณพ่อตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง แต่ไม่ยอมนอนโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวเอง พยายามขอเคลมประกันเพื่อซ่อมรถไว้ใช้ไปโรงพยาบาล แต่ไม่ได้ซ่อมรถจึงต้องสละเงินค่ารถไปโรงพยาบาลเพื่อมาใช้รักษาลูก จนสุดท้ายคุณพ่อเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ขณะนี้ตนได้ช่วยเหลือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ทนายแป้ง เพ็ญสุภา ศรีขุนทอง ทนายความของผู้เสียหาย เล่าว่า อุบัติเหตุนี้มีผู้กระทำความผิดชัดเจน ประกันของคู่กรณีเป็นประกันภัยชั้น 1 แต่ต้องมีกระบวนการซับซ้อนกว่าจะเคลมได้ ถ้าประกันของคู่กรณีควรมีมนุษยธรรมมากกว่านี้ ถ้าหากให้ความช่วยเหลือครอบครัวของคุณลินดาอย่างเต็มที่ ก็อาจไม่เกิดเหตุเช่นนี้ หลังจากนี้ตนจะคอยช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
คุณ ลินดา ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า หลังเกิดอุบัติเหตุตนต้องนอนติดเตียงตลอด คุณพ่อดูแลตนอย่างเต็มที่ โดยปิดบังอาการป่วยของตัวเองไว้ จนสุดท้ายพ่อเสียชีวิต ขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ยังไม่สามารถเดินได้ สิ่งที่ต้องการคืออยากให้คู่กรณีชดเชยทุกสิ่งที่สูญเสียไป
ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นด้านกฎหมายว่า เคยมีกรณีคล้ายกัน ที่เกิดเหตุแล้วไม่ยอมเยียวยาตามความเหมาะสม สุดท้ายศาลพิพากษาต้องเยียวยากว่า 2 ล้านบาท กรณีนี้คู่กรณีจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมเยียวยาโดยไม่ต้องรอบริษัทประกัน
บริษัทประกัน ชี้แจงว่า หลังเกิดอุบัติเหตุผู้เสียหายไม่สามารถให้ปากคำได้ ตำรวจจึงไม่สามารถสรุปคดีได้ สุดท้ายตำรวจได้สรุปคดีว่ารถที่ทำประกันเป็นฝ่ายผิด จากการประเมินเบื้องต้นเนื่องจากได้รับเอกสารยังไม่ครบ จึงเยียวยาได้เพียง 1.5 แสนบาท ยืนยันว่าไม่ได้บ่ายเบี่ยงและไม่นิ่งนอนใจ แต่ต้องมีกระบวนการพิจารณาตามขั้นตอน เนื่องจากเป็นกรณีที่มีค่าใช้จ่ายสูง
คุณ อดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ สำนักงาน คปภ. กล่าวว่า ตามหลักการแล้วถ้าประกันมีเอกสารครบถ้วน จะต้องทำให้รวดเร็วภายใน 15 วัน หลังจากนี้จะช่วยตรวจสอบว่า เมื่อประกันได้รับเอกสารแล้วมีผลประเมินเหมาะสมหรือไม่อย่างไร โดยตนได้ประเมินเบื้องต้นว่า อาจจะต้องเยียวยามากกว่า 6 แสนบาท
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.00-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม