“อาเลสสิโอ มาลาเทสตา” นักสู้หนุ่มไฟแรง วัย 23 ปี จากอิตาลี พร้อมสานต่อฟอร์มฮอต ด้วยการปราบ “ฟาบิโอ เรอิส” มวยหมัดหนัก วัย 27 ปี จากโปรตุเกส ที่ไฟต์นี้หวังมาเก็บชัยชนะรวดเป็นไฟต์ที่ 2 ให้ได้เช่นกัน โดยทั้งคู่จะแลกเดือดกันภายใต้กติกามวยไทย พิกัดเฉพาะ (แคตช์เวต) 147 ป. ในฐานะคู่เอกภาคอินเตอร์ของศึก ONE ลุมพินี 90 วันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.นี้ ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น.
สำหรับ “อาเลสสิโอ” แม้จะเปิดตัวได้ไม่สวยงามเท่าไหร่นักในศึก ONE ลุมพินี 69 เมื่อเดือน ก.ค.67 ด้วยการพ่ายคะแนนต่อ “นนทชัย จิตรเมืองนนท์” เจ้าของแชมป์ Road To ONE Thailand ซีซัน 2 แต่ 3 เดือนต่อมาในศึก ONE ลุมพินี 82 เจ้าตัวก็สามารถแจ้งเกิดได้สำเร็จ หลังโชว์หัวใจนักสู้ พลิกสถานการณ์จากโดนนับไปก่อน กลับมาเอาชนะทีเคโอ “วิละชน พีเค.แสนชัย” จาก สปป.ลาว ไปแบบสุดเดือดในยกแรก พร้อมโบนัส 3.5 แสนบาท เข้ากระเป๋าเป็นของรางวัล
บททดสอบด่านต่อไปของ “อาเลสสิโอ” จะต้องโคจรมาพบกับจอมโหดอย่าง “ฟาบิโอ” ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนักของอาวุธหมัด ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เตรียมความพร้อม วางแผนรับมือมาเป็นอย่างดี เพื่อลุ้นเผด็จศึกเก็บแต้มชัยแบบไม่ครบยกเป็นไฟต์ที่ 2 ติดต่อกันให้ได้
“ฟาบิโอ เป็นมวยเดินบู๊ จุดแข็งของเขาคือการออกหมัดที่ยอดเยี่ยม แต่ผมรู้ดีว่าเขาก็เตะได้ดีเหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ได้เห็นเขาใช้แข้งบ่อยนัก ผมจะไม่ประมาทลูกเตะของเขาเด็ดขาด” ส่วนผมได้เตรียมอาวุธทุกอย่างไว้พร้อมแล้วสำหรับไฟต์นี้ ผมจะพยายามหลบการโจมตีของเขา และหาจังหวะสวนกลับอย่างแม่นยำที่สุด ผมมั่นใจว่าจะสามารถน็อกเขาได้”
ทางด้าน “ฟาบิโอ” ไฟต์ล่าสุดในศึก ONE ลุมพินี 78 เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โชว์ฟอร์มดุดันเกินต้าน ด้วยการระเบิดพลังหมัดอัดน็อก “ปกรณ์ พีเค.แสนชัย” ในยกที่ 2 พร้อมรับโบนัส 3.5 แสนบาท เข้ากระเป๋าเป็นครั้งที่ 3 เรียกความมั่นใจ พร้อมกู้ชื่อ “มือปราบยอดมวย” กลับมาได้อีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ต้องพบกับความพ่ายแพ้ติดต่อกันถึง 3 ไฟต์
แม้คู่ชกอย่าง “อาเลสสิโอ” จะเป็นมวยฝีมือเชิงสูง แต่ “ฟาบิโอ” ก็ไม่มีหวั่น โดยพร้อมเปิดเกมรุกตามสไตล์ถนัด หวังปิดเกมแบบไม่ครบยกให้ได้เพื่อคว้าแต้มชัยไฟต์ที่ 4 มาครอง และยังจะเป็นการคว้าชัยชนะเหนือคู่ชกต่างชาติเป็นครั้งแรกในรายการนี้อีกด้วย
“อาเลสสิโอ เป็นมวยฝีมือ เขามักจะเป็นฝ่ายถอย และชอบเตะมากกว่าต่อย จุดแข็งของเขาคือการออกอาวุธที่ไม่สามารถเดาทางได้ เขาสามารถเดินไปพร้อมกับการออกหมัด และเตะที่ลำตัวตอบโต้ได้ด้วย ซึ่งถือว่าแตกต่างจากนักสู้คนอื่น ๆ ที่เคยเจอ ส่วนจุดอ่อน ผมคิดว่าคางเขาไม่แข็งเท่าไหร่ และก็ไม่มีใจสู้ตายเหมือนผม”
“ไฟต์นี้ผมจะเป็นฝ่ายเดินเข้าหาเหมือนทุกไฟต์ที่ผ่านมา ผมจะรัดกุมให้มากขึ้น และจะโจมตีเมื่อผมเห็นว่ามันเป็นจังหวะที่ใช่เท่านั้น ผมคิดว่าเขาคงจะพยายามถีบสกัดผมให้พ้นตัว แต่ผมจะหาทางบุกไปซัดเขาให้ได้ และผมมั่นใจมากว่าจะปิดเกมเขาได้ ผมคือจอมน็อก ทุกครั้งที่ผมขึ้นสังเวียน ผมมีโอกาสที่ผมจะน็อกทุกคนอยู่แล้ว และไฟต์นี้ก็ไม่ต่างกัน”
+ อ่านเพิ่มเติม