ข่าวเย็นประเด็นร้อน - บิ๊กก้อง เผย คดี ทนายตั้ม อยู่ระหว่างพิจารณา ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม หากพยานหลักฐานถึงใคร ดำเนินการเด็ดขาด เบื้องต้นยึดทรัพย์ ทนายตั้ม แล้ว 71 ล้านบาท
2 คนสนิท 'ทนายตั้ม' ยังอยู่ในไทย
พลตำรวจ โทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยความคืบหน้าการดำเนินคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ซึ่งตำรวจได้แจ้งข้อหาทนายตั้ม รวม 4 คดี คือ คดีเงิน 71 ล้านบาท, เงินคริปโทเคอเรนซี, รถหรู และค่าออกแบบในข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าจะมีบุคคลถูกดำเนินคดีเพิ่มมาอีก 1 คน พลตำรวจโท จิรภพ ระบุว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน หากมีพยานหลักฐานไปถึงใครก็จะออกหมายจับเพิ่มเติม ยืนยันจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
สำหรับนายนุและนางสาวสา ซึ่งเป็นคนสนิทของทนายตั้ม ที่มีข้อมูล ว่าเกี่ยวข้องกับเงิน 39 ล้านบาท จากที่ได้รับรายงาน พบทั้ง 2 คน ยังอยู่ในประเทศไทย
ยึดทรัพย์ ทนายตั้ม เงิน - บ้าน 71 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ตำรวจได้ตรวจยึดทรัพย์สินของทนายตั้มแล้ว ประกอบด้วย เงินในบัญชีรวม 28 ล้านบาท และที่ดินเป็นบ้าน ราคา 43 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว มีข้อมูลว่ามาจากเงินที่อยู่ในก้อน 71 ล้านบาท ที่ได้รับมาจากผู้เสียหาย ส่วนทรัพย์สินในตู้เซฟ จากการตรวจสอบไม่พบ เช่นเดียวกับ นาฬิกาหรูที่ทนายตั้มเคยใส่ ตอนนี้ตำรวจก็ยังไม่พบ
ส่วนเรื่องของมือถือเครื่องเก่า ที่อ้างว่า มีข้อมูลของบิ๊กตำรวจหลายนาย พลตำรวจโท จิรภพ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากยังไม่ได้เห็นตัวโทรศัพท์มือถือ
และประเด็นที่ ทนายตั้มรู้จักกับตำรวจเยอะ ทำให้รู้เทคนิคการเปลี่ยนโทรศัพท์หรือไม่นั้น พลตำรวจโท จิรภพ กล่าวว่า เขามีประสบการณ์รู้จักตำรวจเยอะ ก็คงรู้เทคนิค ซึ่งยืนยันว่าในปัจจุบันนี้ ยังไม่ได้โทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของทนายตั้มและกำลังพยายามค้นหาอยู่
รณรงค์ ยังไม่เห็นทางรอด ทนายตั้ม
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ให้สัมภาษณ์กรณีเกี่ยวกับเรื่องการจับกุมทนายตั้ม ว่าจนถึงวันนี้ยังไม่เห็นทางรอดของทนายตั้ม แม้จะสู้ยังไง
ส่วนเรื่องเงินนั้น หากบอกว่า เป็นการยืมหรือเป็นโครงการ ถ้าตามหลักกฎหมายการยืมมากกว่า 2,000 บาท ต้องมีสัญญา อันนี้ยืมกี่สิบล้าน...แต่สัญญาไปไหน หรือถ้าบอกว่าเป็นการให้โดยเสน่หา พลิกไปเป็นการลงทุน ก็ต้องไปแก้ต่างเอาว่า เข้าองค์ประกอบความผิดไหม และต้องติดตามว่า จะสามารถประกันตัวภรรยาของทนายตั้มออกมาได้หรือไม่
แต่ตอนนี้ดูแล้ว ไม่รู้ว่าจะออกมาได้ไหม คิดว่าไม่ต่ำกว่า 12 ปี กว่าจะได้ออก เพราะถ้าไม่ได้ประกันตัว ก็จะยาวไปเรื่อย ๆ
ทนายรณณรงค์ ยังบอกอีกด้วยว่า จะไปเยี่ยมทนายตั้มแบบเงียบ ๆ ไม่อยากเป็นข่าว เพราะว่าทนายตั้มคงไม่ได้ออกมาแล้ว ไปเยี่ยมในฐานะเพื่อน แต่จะให้เยี่ยมหรือเปล่ายังไม่รู้
ปานเทพ เผยจ่อหมายจับคดี 39 ล้านบาท
ส่วนที่บ้านพระอาทิตย์ นายปานเทพ พงษ์พัวพันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาแถลงข่าว กรณีนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม ออกมาเปิดเผยแนวทางการต่อสู้ของทนายตั้ม 3 ประเด็นว่า เท่าที่ตนเห็นหลักฐานยังมีพิรุธอยู่บางเรื่อง เช่น เรื่องเงิน 71 ล้านบาท ที่ทนายตั้มบอกว่า ได้มาโดยเสน่หามาตลอด
แต่จู่ ๆ ทนายสายหยุดดันบอกว่า เป็นเงินยืมเพื่อลงทุน ซึ่งเป็นคนละเรื่อง แสดงว่าทนายตั้มพูดเท็จมาตลอด ตนจึงมั่นใจว่า การอ้างว่าให้โดยเสน่หานั้นคงไปไม่รอด ทนายสายหยุด จึงเปลี่ยนเงื่อนไขเป็นเงินกู้ยืมเพื่อการลงทุน และทนายสายหยุดยังอ้างว่า เพื่อหลบเลี่ยงภาษี จึงสร้างสัญญาอำพราง เพื่อโอนเงินจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะพี่อ้อยสามารถโอนเงินจากต่างประเทศเข้ามาสู่บัญชีส่วนตัว โดยไม่ต้องเสียภาษีสักบาท คำชี้แจงของทนายสายหยุดจึงไม่สมเหตุสมผล
ส่วนเรื่องรถยนต์ที่บวกค่านายหน้า ไม่มีค่านายหน้าที่ไหนสูงถึง 1.5 ล้านบาท ซึ่งมันสูงเกินไป จึงเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงโดยชัดเจน เพื่อไม่ให้พี่อ้อยรับทราบ ส่วนประเด็นค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท อ้างว่าพี่อ้อยยกเลิกโครงการไปแล้ว ก็เป็นเท็จ พี่อ้อยยุติการก่อสร้าง แต่ไม่ได้ยุติการออกแบบ
ส่วนเรื่องเงิน 39 ล้านบาท ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ละเอียด อยู่ในรูปคดีที่กำลังตามติดอยู่ ฝากบอกนายนุกับนางสาว่า ถ้าเขาให้การตามข้อเท็จจริงทั้งหมดอาจได้รับการลดโทษ เชื่อว่า เร็ว ๆ นี้จะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับต่อไป ภายในไม่เกินสัปดาห์นี้
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35