มรสุมซัด “ทนายตั้ม” อ่วม ทั้งปมการเรียกค่าว่าความแพง การเลี่ยงภาษี และถูกกล่าวหาว่าเรียกเงินจากคู่กรณี งานนี้หนักกว่าครั้งไหน ๆ
วันที่ 29 ต.ค. 67 คุณ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า หลังจากได้พูดคุยกับคุณอ้อยและคุณน้อย ทั้งสองคนเข้ามาพูดคุยแล้วมอบหลักฐานเพิ่มเติม เรื่องเงิน 71 ล้านบาท ว่าถ้าหากให้โดยเสน่หาจริงแล้วทำไมต้องไปแจ้งความ นอกจากนี้ยังมีการจ่ายเงินเดือน 3 แสนบาทมาตลอด 1 ปี แต่ทนายตั้มไม่ได้ทำงานตามที่ต้องการจึงยกเลิกการจ่ายเงิน
มีหลายเรื่องเกี่ยวกับเงินจำนวนมากที่คุณอ้อยเพิ่งมารู้ในภายหลังว่าทนายตั้มเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับทนายตั้มเพียงคนเดียว แต่ยังเกี่ยวโยงกับบุคคลอื่นรอบตัวทนายตั้มด้วย โดยเฉพาะเรื่องการใช้ชื่อบุคคลอื่นมาใช้เลี่ยงภาษี นักการเมืองที่ได้รับการกล่าวถึง เนื่องจากคุณอ้อยไม่รู้จักนักการเมืองในไทย จึงไว้ใจทนายตั้มให้จัดการเรื่องนี้รวมถึงเรื่องอื่น ๆ คาดว่านักการเมืองเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวกับสลากออนไลน์ ยืนยันว่าคุณอ้อยพร้อมดำเนินคดีจนถึงที่สุด
คุณ วรัชญากรณ์ อ่อนธรรม (หนึ่ง บางปู) แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง เล่าว่า ตนเคยกู้เงินจ่ายเงินค่าจ้างทนายดัง 10 ล้านบาท เนื่องจากตนหนีออกจากบ้าน และต้องการจะแยกทางจากสามีแต่ไม่กล้าบอกเจ้าตัว และไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องคดีความมาก่อน คนรู้จักได้แนะนำทนายคนนี้มาให้ ในความไม่รู้ของตนจึงบอกไปทุกอย่างว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง และสามีของตนมีตำแหน่งหน้าที่การงานอะไร ซึ่งบังเอิญว่านายของทนายคนนี้รู้จักกับนายของสามี จึงเชื่อว่าทนายจะสามารถช่วยเรื่องนี้ได้ ทนายเรียกค่าดำเนินการ 10 ล้านบาท ตนยอมจ่ายเนื่องจากเห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสม แต่ไม่ได้ช่วยดำเนินการอะไรนอกจากการถ่ายรูปด้วยกันและวางแผนแกล้งป่วย สุดท้ายเรื่องไม่คืบหน้าต้องมาเจรจาแยกทางกับสามีด้วยตัวเอง
ทนายอั๋น ภัทรพงศ์ ศุภักษร ทนายความ กล่าวว่า ตนจองกฐินทนายตั้มมานานแล้ว เนื่องจากเห็นความผิดปกติในการปฏิบัติหน้าที่ ปีที่แล้วตนเคยไปยื่นตรวจสอบทนายตั้มว่าที่มาของเงินเดือนมาจากไหน มีการจ่ายภาษีอย่างครบถ้วนหรือไม่ แต่เรื่องยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก ล่าสุดตนไปยื่นเรื่องให้ตรวจสอบทนายตั้มอีกครั้ง ว่ามีความผิดตามมรรยาททนายความข้อ 18 จริงหรือไม่ เหตุผลที่ตนไปร้องทนายตั้ม เพียงแค่อยากให้เข้าสู่การตรวจสอบภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ เล่าว่า ตอนแรกที่เป็นข่าว ตนไม่เชื่อว่าจะมีทนายฝ่ายตนไปเรียกเงินจากบอสพอล แต่หลังจากที่เจ้าตัวออกมายอมรับว่าเรียกเงินจริงแต่เป็นการเรียกเงินคืนให้ผู้เสียหาย แต่เรื่องนี้ก็จะต้องรอดูว่าสิ่งที่ทนายตั้มพูดเป็นความจริงหรือไม่ วิเคราะห์คดีของทนายตั้มกับคุณอ้อยว่า ถ้าหากเป็นการให้โดยเสน่หาจริงทำไมถึงต้องมาแจ้งความ ซึ่งอาจเสี่ยงผิดข้อหาแจ้งความเท็จ สิ่งสำคัญของเรื่องนี้คือพยานหลักฐานที่เชื่อว่ามีแน่นอน ในมุมมองของตนเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักสำหรับทนายตั้ม ให้ความเห็นเกี่ยวกับค่าว่าความว่าต้องขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับฐานะของลูกความ
ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ทนายความ ให้ความเห็นด้านกฎหมายว่า จากข่าวทนายดังเรียกเงินบอสพอล ปกติแล้วทนายความจะเป็นคนเจรจาแทนลูกความ แต่ไม่สามารถเรียกเงินเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งมีความผิดทางกฎหมาย ส่วนคดีของทนายตั้มกับคุณอ้อย เป็นการต่อสู้กันว่าเป็นการให้โดยเสน่หาหรือถูกฉ้อโกง การให้โดยเสน่หาสามารถเพิกถอนได้หากมีการประพฤติเนรคุณกับผู้ให้ ให้ความเห็นด้านการทำงานของทนายว่า ปกติการฟ้องหย่าจะต้องรู้ทรัพย์สินทั้งหมดของลูกความ ตามมรรยาททนายความจะไม่บอกวิธีการคิดค่าว่าความ ส่วนค่าจ้าง 10 ล้าน ถ้าหากทำงานเต็มที่จริงก็ถือว่าไม่มากเกินไป
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม