ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจากเมื่อวาน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปล่อยคลิปเปิดใจ พี่อ้อย นักธุรกิจมหาเศรษฐีที่แจ้งความเอาผิด ทนายตั้ม ข้อหาฉ้อโกง 71 ล้านบาทใน EP.1 และEP.2 วันนี้ มีการปล่อยคลิปอีก 2 ตอน โดย EP.3 พี่อ้อย และ พี่น้อย เลขาฯ แฉว่า ทนายตั้ม นำชื่อผู้ใหญ่หลายคนมาแอบอ้างในการทำแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ ขอเงินไปร่วมลงทุน 2 ล้านยูโร
แฉกลเกมทนายมหาเสน่ห์ลวงดูดเงิน 2 ล้านยูโร
เวลา 09.00 น. เพจเฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ ได้โพสต์คลิปสัมภาษณ์ พี่อ้อย ผู้เสียหายบางช่วงบางตอนเป็นคลิป EP.3 แล้ว ความยาว 9.23 นาที ในหัวข้อ ทนายตั้ม หรือ ทนายต้ม ใช้ชื่อตอนว่า เปิดกลเกมทนายมหาเสน่ห์หลอกลงทุนหวยออนไลน์ ดูดเงิน 2 ล้านยูโร
ในคลิปนายสนธิ ลิ้มทองกุล และทีมงานพูดคุยกับพี่อ้อย และพี่น้อย เลขาฯ ถึงเรื่องเงิน 2 ล้านยูโร มอบให้ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โดยทั้งพี่อ้อย และพี่น้อย เล่าว่า ทนายตั้ม มาบอกว่า เป็นโปรเจกต์ทำสลากออนไลน์ เหมือนเป็นสัมปทาน จะเข้ามาทำระบบแทนคนเก่า เพราะต่อไปคนเก่าจะเจอข้อหา ไม่ได้ทำสลากออนไลน์ จึงจะให้ทนายตั้ม เข้ามาทำแทน และขอเงินจากพี่น้อย 2 ล้านยูโร เพื่อทำโปรเจกต์นี้ ซึ่งพี่น้อยก็บอกว่า เงิน 2 ล้านยูโร ก็ไม่ได้เยอะ และทนายตั้ม บอกว่า เรื่องสลากไม่ใช่ใครจะเอาไปทำก็ได้ และยังบอกว่า ถ้าไม่ได้เงิน 2 ล้านยูโร เขาต้องเสียผู้ใหญ่แน่ ๆ
โดยทนายตั้ม ได้เอ่ยชื่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งตอนนั้นยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทนายตั้ม ได้โทรหานายสมศักดิ์ โชว์ให้เห็น หลังจากนั้นพยายามพาพี่อ้อยไปเจอนักการเมืองหลายคนที่ฮ่องกง ช่วงปี 2566 ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หลังจากทนายตั้ม ได้เงิน 2 ล้านยูโรแล้ว ทนายตั้ม ได้มากราบขอบคุณว่า ถ้าไม่มีพี่อ้อย คงแย่มาก เพราะต้องผิดคำพูดกับผู้หลักผู้ใหญ่
แฉให้ 13 ล้านบาท ซื้อรถเบนซ์ แต่ไม่ได้ใบเสร็จ
พี่อ้อย และ พี่น้อย ยังบอกอีกว่า สำหรับเรื่องผลประโยชน์ตอบแทน เขาบอกว่า จะได้จากส่วนแบ่งยอดขายลอตเตอรี่ ซึ่งต้องเขียนโปรแกรมขึ้นมา แต่พี่อ้อยบอกว่า ไม่เคยเห็นโปรแกรม แต่แค่มาพูดเรื่องโปรเจกต์ โดยบอกว่า จ้างอีกบริษัทหนึ่งในการเขียนแอปขึ้นมา โดยเริ่มรู้สึกว่า เขาโกงตั้งแต่กรณีให้ซื้อรถเบนซ์ราคา 13 ล้านบาท ก็โอนเงินเป็นก้อนไป แต่ไม่เคยได้ใบเสร็จ
และก่อนหน้านี้ ช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2566 ทนายตั้ม ได้พาพี่อ้อย และพี่น้อยไปแถลงข่าว บอกให้พี่อ้อยพูดการันตีว่า เงินที่กินหรูอยู่สบายมาจากพี่อ้อยทั้งหมด ส่วนประเด็นที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ เคยร้องกรณีตำรวจ 2 นาย ช่วยยกกระเป๋าที่สนามบินนั้น พี่อ้อยก็บอกว่า ไม่รู้เรื่อง และตอนนั้นก็บอกตำรวจแล้วว่า ไม่ต้องมายก แต่ทนายตั้ม บอกว่า ไม่ต้องยุ่งเดี๋ยวเขาจัดการเอง
ซึ่งสิ่งที่พี่อ้อย พูดกับสิ่งที่ ทนายตั้ม ชี้แจงเป็นคนละเรื่องกันเลย เพราะก่อนหน้านี้ ทนายตั้ม เคยออกมาชี้แจงว่า เงิน 71 ล้านบาท ไม่ใช่เงินที่โอนมา เพื่อร่วมลงทุนทำแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ แต่ทำสัญญาโปรเจกต์ขึ้นมา แค่ไปโชว์กับทางประเทศฝรั่งเศส เพื่อไม่ต้องเสียภาษี 40 ในการโอนเงิน โดยเขาให้เงินตนมาด้วยความเสน่หาจริง ๆ
สนธิ โพสต์โต้ข่าวรับเงินเล่นงาน ทนายตั้ม
จากนั้น นายสนธิ ได้โพสต์ภาพคู่กับพี่อ้อย พร้อมระบุข้อความว่า ตามที่มีคนออกมาปล่อยข่าวว่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล รับเงิน พี่อ้อย จตุพร มาเพื่อเล่นงาน ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด วันนี้ความจริงปรากฎแล้วว่า คุณอ้อย จ่ายค่าจ้างคุณสนธิในการออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยราคาที่แพงมาก คือจ่ายเป็น ไวน์ 1 ขวด และช็อกโกแลตอีกหนึ่งถุง
สมศักดิ์ รับรู้จัก ทนายตั้ม แต่ไม่เคยทำสลากฯ
ล่าสุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาชี้แจงประเด็นที่ถูกพาดพิงว่า ไม่เคยคุยกับทนายตั้ม เรื่องสลากออนไลน์ ไม่เคยอยู่ในสมอง ไม่เคยซื้อลอตเตอรี่ด้วย อาจจะเคยซื้อในอดีต แต่ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่จะเกี่ยวข้อง คือ บ้านตัวเองอยู่ใกล้กองสลากฯ แต่ไม่เคยมีธุรกิจ หรือธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกองสลากเลย แต่เคยไปเป็นประธานออกสลากกินแบ่งรัฐบาล อยู่ 2-3 ครั้ง และยืนยันว่า ไม่เคยทำเรื่องการซื้อขายลอตเตอรี่ ยอมรับว่า ส่วนตัวรู้จักทนายตั้ม ซึ่งความสัมพันธ์ ก็รู้จักในฐานะนักการเมือง ที่รู้จักผู้คนทั่ว ๆ ไป ไม่ได้รู้สึกกังวลที่ถูกแอบอ้าง และยังพูดติดตลกว่า ชื่อตัวเองน่าจะเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือมั้ง คนจึงเอาไปแอบอ้างเยอะ พร้อมยืนยันว่า ไม่รู้จักเจ๊อ้อย และอะไรที่เป็นเรื่องผิดกฎหมายตนไม่เคยทำในชีวิต
อนุทิน ยันเจอ ทนายตั้ม ที่ฮ่องกงแค่บังเอิญ
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงหลังถูกเชื่อมโยงว่า ทนายตั้ม พาพี่อ้อยบินไปพบที่ฮ่องกง โดยยอมรับว่า เคยพบกับทนายตั้ม ที่ฮ่องกงจริง หลังเลือกตั้งปีที่แล้ว ปลายเดือนพฤษภาคม หรือต้นมิถุนายน โดยตนเดินทางไปกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังเลือกตั้ง และบังเอิญเจอทนายตั้ม ที่โรงแรม ก็ทักทายกันปกติ ซึ่งวันนั้นทนายตั้ม อยู่กับสุภาพสตรี 2 ท่าน เขาแนะนำให้ตนรู้จักว่า ประกอบธุรกิจอยู่แถวยุโรป และพอดีว่าวันนั้นตนมีเวลาว่าง จึงชวนไปรับประทานอาหาร แต่ไม่เคยพูดคุยเรื่องธุรกิจสลากออนไลน์ อีกทั้งตอนนั้นเพิ่งเลือกตั้งเสร็จ ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล
นอท ขู่ฟ้องกลับ ให้เวลาลบ 1 ชม.
ส่วนอีกคนที่ถูกพาดพิง คือ นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ล่าสุด ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า คดีหวยเอ่ยชื่อผมมั่ว ๆ ไม่มีหลักฐาน ฟ้องกลับทุกเคสนะครับ เตือนแล้วนะให้เวลาลบ 1 ชั่วโมง
เปิดปมจุดแตกหัก ทนายตั้ม ซื้อรถเบนซ์ 13 ล้าน
และล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น.เพจเฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ ได้โพสต์คลิป EP.4 เปิดปม จุดแตกหักรถเบนซ์ 13 ล้าน ทนายตั้ม - เศรษฐีนี รถเขาฝากซื้อ แต่เอาไปให้จีนเทาเช่า เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกรักเหมือนครอบครัว คลิปนี้ความยาว 9.35 นาที
ในคลิปพี่อ้อย เล่าจุดแตกหักว่า เริ่มจากเรื่องให้ทนายตั้ม ไปซื้อรถเบนซ์ เขาบอกว่า รถราคา 13 ล้านบาท โดยพี่น้อย เลขาฯโอนให้เป็นเงินก้อน 13 ล้านบาท เข้าบัญชีนายษิทรา เพื่อเอาไว้รับส่งพี่อ้อย โดยมีหลักฐานที่โอนเงินเข้าบัญชีนายษิทรา และมีหลักฐานไลน์ที่พูดคุยกัน แต่ซื้อรถมาเกือบจะ 1 ปี แต่เล่มทะเบียนรถยังไม่ได้ พอให้เลขาฯไปตามที่ศูนย์ ทางศูนย์บอกว่า เงินยังจ่ายไม่หมด จึงยังไม่ได้เล่มออกมา และใบเสร็จก็ไม่ได้
หลังจากนั้น พี่น้อย เลขาฯไปตามเรื่องที่บริษัทเบนซ์ ทนายตั้ม ก็โทรมาด่าพี่น้อย พอเช็กราคารถ พบว่า ราคาแค่ 9 ล้านบาทเท่านั้น แต่ตอนหลังเขาให้ใบเสร็จมา 12.9 ล้านบาท พี่อ้อย ยังบอกว่า รถเบนซ์ที่ซื้อมาไม่เคยได้ขับ เพราะเขาเอารถไปใช้ แค่ 2 เดือน ไมล์พุ่งไป 10,000 กิโลเมตร ซึ่งตอนที่พี่น้อย ขับรถเบนซ์คันนี้ไปพักที่โรงแรมในพัทยา มียามบอกว่า รถเบนซ์คันนี้ มีจีนเทาเอามาขับ เพราะจำทะเบียนรถได้ จากนั้น พี่อ้อย จึงขอรถคืน และให้เอาเล่มมาคืน แต่เขาก็เงียบ จึงให้เลขาฯไปตามคืนมาให้ พอพี่น้อยไปตาม ทำให้ทะเลาะกันกับทนายตั้ม พี่น้อย ก็บอกว่า ที่มาตามรถเพราะเป็นคำสั่งพี่อ้อย และไม่ใช่แค่นี้ ยังมีมากกว่านี้อีก ตอนนั้นก็เริ่มสงสัยเขา และทริปไปเที่ยวฟินแลนด์ จึงเป็นทริปสุดท้ายที่แตกหักกัน
ส่วนคลิปต่อไป เพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ ระบุว่า รอฟังคลิป ต่อไป EP.5 เมื่อไหร่เดี๋ยวบอก กดติดตามสนธิทอล์คไว้ทุกแพลตฟอร์ม เพราะยังมีอีกยาววววว
ลุยสอบ เจ๊อ้อย ปมถูกโกง จ่อเอาผิดคดีฟอกเงิน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ลงพื้นที่ไปยัง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อร่วมสอบปากคำ นางสาวจตุพร หรือ เจ๊อ้อย ผู้เสียหาย กรณีถูกหลอกลงทุนแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ 71 ล้านบาท และซื้อรถเบนซ์ G-Class สีดำ ราคาเกินจริง ที่ผู้เสียหายฝากให้ทนายคนดัง ซื้อให้เอาไว้ใช้ตอนกลับมาเมืองไทย โดยทนายคนดังเบิกเงินไปซื้อรถ 13 ล้านบาท แต่ราคารถคันจริง ๆ มีราคาเพียง 8-9 ล้านบาท
นอกจากนี้ ทนายดัง ยังมีการหลอกให้นำเงินไปช่วยใช้หนี้ให้กับคนใกล้ชิดอีก 39 ล้านบาท ซึ่งพฤติกรรมอาจจะเข้าข่ายความผิด ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งเป็นมูลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ซึ่งจะมีเรื่องการตามยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดตามมาอีกด้วย
แฉซ้ำทนายดังเรียก 10 ล้านบาท คดีฟ้องหย่าผัว
มรสุมของทนายตั้ม ยังไม่ใช่แค่นี้ เพราะล่าสุด ยังมี นางสาววรัชญากรณ์ อ่อนธรรม หรือ หนึ่ง บางปู แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ออกมาแฉอีกว่า เคยว่าจ้างทนายดังเมื่อปี 2564 ให้ช่วยทำคดีฟ้องร้องหย่าสามีเก่า โดยทนายดังขอค่าทำคดีทั้งหมด 10 ล้านบาท หลังจากทำสัญญาเสร็จแล้ว จ่ายเงินกันแล้ว ทนายรายนี้มาถ่ายรูปคู่ แล้วโพสต์ลงโลกโซเชียล อ้างว่าอดีตสามีเห็นรูปนี้ แล้วจะกลัวและหนีไปเอง แต่สามีก็ไม่ได้กลัว และไม่มีการดำเนินงานอะไรให้เลย จนถึงตนกับสามีเก่าต้องคุยกันเอง จนอดีตสามียอมเซ็นเอกสารแยกทาง หลังจากนั้นอยากฟ้องสามีเก่าเรื่องแบ่งสินสมรส แต่ทนายดังกลับเรียกเงินรอบ 2 อีก 700,000 บาท
ต้องบอกว่า ช่วงนี้ถือเป็นมรสุมของทนายตั้ม เพราะมีเรื่องที่เป็นคดี ถูกกล่าวหามากมาย ทั้งคดี เจ๊อ้อย แจ้งเอาผิดข้อหาฉ้อโกง หลอกลงทุนแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ 71 ล้านบาท ขณะที่ ทนายบอสพอล แฉว่า รีดเงิน 7 ล้านบาท เพื่อแลกกับการจะไม่นำผู้เสียหายกลุ่มนี้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับดิไอคอน และยังมี ไฮโซปอ และ แซน วิศาพัช ที่ออกมาแฉว่า ทนายคนดังแนะแนวทางสู้คดี แตงโม ในทางที่ผิด โดยให้ แซน เป็นคนรับผิด และล่าสุด คือ หนึ่ง บางปู ที่ออกมาแฉจ้างทนายคนดังทำคดีฟ้องหย่า 10 ล้านบาท แต่กลับไม่ช่วยดำเนินการอะไร
ขอบคุณภาพจาก : Facebook คุยทุกเรื่องกับสนธิ
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35