ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เมื่อวานนี้ ปปง.สั่งอายัดทรัพย์สินของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป บอสพอล กันต์-กันตถาวร กับพวก รวม 125 ล้านบาท มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
ปปง.อายัดทรัพย์สินเครือข่าย บอสพอล
โดย เลขาธิการ ปปง. อาศัยอำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542ออกคำสั่งที่ ย. 214/2567 ให้อายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล (บอสพอล) , นายณิชพน ทองมี (รายงานข่าวแจ้งว่าเป็นชื่อเก่าบอสพอล), นางสาวฐิตตญา หงษ์อุปถุมภ์ไชย (รายงานข่าวระบุว่าเป็นอดีตคนใกล้ชิดบอสพอล) และนายกันต์ กันตถาวร
ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทเงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เงินในบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ และเงินในบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 11 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 125 ล้านบาท พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง.ขอแจ้งเตือนว่าทรัพย์สินอื่นที่อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนั้น หากผู้ใดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน มีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สงสัยยึดทรัพย์ ดิไอคอนฯ น้อยเกินไป
ล่าสุดเช้าที่ผ่านมา กรรมาธิการ ปปง. ถกปัญหา ดิไอคอน มองว่าจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาทที่อายัดยังน้อยไป เมื่อเทียบกับความเสียหาย เชื่อเส้นเงินเท่านั้น เป็นหลักฐานบอกทุกอย่างได้
นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (ปปง.) กล่าวถึงการนำเรื่องธุรกิจดิไอคอน เข้าหารือในประชุมว่า เบื้องต้นเป็นการหารือ เพื่อพิจารณาว่าจะเป็นการเอาผิดผู้บริหาร หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้อย่างไร เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก
ส่วนกรณีที่ บอสพอล บอกว่า ไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นการทำงานของแม่ข่าย และมีสินค้าจริง จึงอาจจะไม่เข้าข่ายการฟอกเงินนั้น นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า การขายสินค้าประเภทขายตรง ถ้าไปดูที่ผ่านมา ก็จะมีการจ่ายเงินและส่งสินค้า แต่รูปแบบของ ดิไอคอน เป็นไปในทางอ้อม มีสมัครเป็นสมาชิกซื้อสินค้า แล้วฝากสินค้าไว้ ก็ต้องไปดูว่า หลักการขายสินค้าและแหล่งกำเนิดภาษี รายได้ที่จะต้องมาจากการส่งมอบสินค้า หรือเป็นรายได้ที่มาจากการสมัครเป็นสมาชิก ที่ไม่ใช่รายได้จากการขายสินค้า
นายเลิศศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับแจ้งความไปเยอะแล้ว เมื่อรับแจ้งความแล้ว ตำรวจสอบสวนกลางก็ต้องรายงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่ง ปปง.ก็รับเรื่องไปแล้ว สามารถเช็คเส้นเงินทั้งหมดของผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้บริหารหรือ อินฟลูเอนเซอร์ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ทั้งนี้ สัปดาห์หน้า แน่นอนว่าจะต้องเชิญทาง เลขาธิการ ปปง.มาชี้แจงในเรื่องนี้ ซึ่งจากข่าวที่ออกมาบอกว่า ปปง.อายัดไว้ 100 กว่าล้าน เป็นการอายัดตามความเสียหาย
แต่ตนมองว่า 100 กว่าล้าน ดูน้อยเกินกว่าความเป็นจริง เพราะขณะนี้เฉพาะผู้เสียหายที่ไปร้อง หรือแจ้งข้อกล่าวหาไว้มีจำนวนมากมากกว่า 100 กว่าล้านที่ปปง. อายัดไว้แน่นอน
แจ้งความทะลุ 1 พันคน เสียหาย 386 ล้านบาท
ขณะเดียวกันช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้เสียหาย ทยอยเดินทางแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามต่อเนื่อง ตัวเลขล่าสุด ทะลุ 1,000 คน
โดยเจ้าหน้าที่มีการจัดเตรียมเก้าอี้ไว้บริการประชาขน บริเวณห้องโถงชั้น 1 สำหรับนั่งพักรอ เข้าพบพนักงานสอบสวน ในการจัดระเบียบผู้เสียหาย เข้าพบพนักงานสอบสวน จะให้ขึ้นไปครั้งละ 30 คน โดยจะให้แลกบัตรประจำตัวประชาชน แสกนใบหน้า ก่อนจะแจกบัตรคิวขึ้นไปที่รอพบพนักงานสอบสวน สำหรับตัวเลขของผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว รวม 1,063 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 386 ล้านบาท
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35