ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ทนายชุดดรีมทีม พาผู้เสียหายกว่า 100 ราย แจ้งความบริษัท ดิไอคอน เปิดตัวละครลับ แฉเบื้องหลังธุรกิจ ให้ข้อมูลตำรวจปมคลิปเสียง
แก๊ง ดรีมทีมทนาย พาผู้เสียหายแจ้งความ
ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม, นายมนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือทนายแก้ว, นายนิติธร แก้วโต หรือทนายเจมส์, นายเกิดผล แก้วเกิด หรือทนายเกิดผล, นายรัชพล ศิริสาคร หรือทนายรัชพล, นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา, นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ หรือทนายรณณรงค์, นายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือทนายชายพัฒน์, นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด, นายธมนันท์ แตงทิม หรือจ่าคิงส์ สะพานใหม่, และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรืออี้ แทนคุณ พาผู้เสียหายกว่า 100 ราย กรณีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารทุกราย ในความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้เงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดฐานฟอกเงิน
ทนายตั้ม ตั้งข้อสังเกตเรื่องหมายจับ
นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม เปิดเผยว่า ทีมทนายได้มีการรวมตัวกันอาสาช่วยเหลือประชาชน และคาดว่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ให้ทนายแต่ละคนดูแลผู้เสียหาย โดยจะดูแลตั้งแต่วันแจ้งความ จนกว่าคดีจะไปถึงศาล หรือได้รับเงินเยียวยาคืน เจตนาที่มาในวันนี้ ต้องการจะช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน เพราะเกรงว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินคืน นอกจากนี้เมื่อวานตนได้ดูรายการที่ บอสพอล ไปออก 2 ราย รายการแรก เจ้าตัวร้องไห้เหมือนเรียกดรามา แต่อีกรายการ มีท่าทางเปลี่ยนไป แต่ก็ยังไม่มีการรับผิด
นอกจากนี้ทนายตั้งยังตั้งข้อสงสัยถึงประเด็นการออกหมายจับ ที่ก่อนหน้านี้ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาเปิดเผยว่า จะออกหมายจับบอสใหญ่ภายใน 48 ชั่วโมง แต่ผ่านมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ
ขณะเดียวกันเชื่อว่า เมื่อวานนี้ที่ บอสพอล ไปออกรายการดัง เปิดเผยถึงรายได้ดารา ที่มีตำแหน่งในบริษัทว่า รายได้แบ่งจ่ายจากยอดขายสินค้า ถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ที่จะมัดตัวบอสดาราทั้งหลายให้ได้รับโทษ แม้ก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะอ้างว่า ได้รับเงินแค่ค่าพรีเซนเตอร์อย่างเดียวก็ตาม
ทนายตั้ม ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า บอสพอลพยายามจะโยนคดีต่าง ๆ ให้กับทางแม่ข่าย หรือแม่ทีม ฉะนั้นหากแม่ข่ายคิดว่าจะเดือดร้อน ให้รีบออกมาบอกข้อมูลกับตำรวจ ไม่เช่นนั้นพวกแม่ข่ายจะกลายเป็นแพะ เหมือนสโลแกนของเขาที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะจะนำมาเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด
บอสพอล ลั่นปัญหาเกิดจาก แม่ทีม
ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ หลัง บอสพอล ออกรายการโหนกระแส ร้องห่มร้องไห้ พร้อมลั่นยอมแพ้ เพราะไม่รู้ตอนนี้สู้กับอะไรอยู่
จากนั้นช่วงเย็นวันเดียวกัน เจ้าตัวไปออกรายการ THE STANDARD ซึ่งในรายการ บอสพอล มีการถามคำถามกับผู้เสียหายเป็นระยะ ทำให้คนในโซเชียลที่เข้ามาดูรายการหลายคนมองว่า ท่าทีต่างกับการไปออกรายการเมื่อช่วงกลางวัน
โดยบอสพอล ยืนยันว่า คน ไม่ใช่สินค้าของดิไอคอน แต่ปัญหาเกิดจากแม่ทีมสื่อสารผิดเพี้ยน และอ้างว่าไม่ทราบเรื่องที่มีทีมอบรม แจ้งกับผู้เสียหายว่า หากเปิดบิลที่ 25,000 บาท จะต้องหาลูกค้าเอง แต่หากเปิดบิล 250,000 บาท จะมีคนหารายชื่อลูกค้ามาให้ เสมือนขึ้นเครื่องบินด่วน
เปิดยอดสมาชิกบริษัท บอสพอล
นอกจากนี้ บอสพอล ยังเปิดเผยข้อมูลยอดสมาชิกระดับต่าง ๆ ของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวอ้างว่า มีทั้งหมด 368,257 ราย แบ่งเป็นผู้แทนจำหน่าย Distributor จำนวน 285,833 ราย หากวิเคราะห์ในกลุ่มนี้ ที่มีการลงทุนรายละ 2,500 บาท รวมเป็นเงินลงทุนทั้งหมด 714,582,500 บาท
หัวหน้าทีม Supervisor จำนวน 43,976 ราย ลงทุนรายละ 25,000 บาท รวมเป็นเงินลงทุนทั้งหมด 1,099,400,000 บาท
ตัวแทนจำหน่าย Dealer จำนวน 31,972 ราย ลงทุนรายละ 250,000 บาท รวมเป็นเงินลงทุนทั้งหมด 7,993,000,000 บาท
ตัวแทนจำหน่าย (รายย่อย) Mini Dealer จำนวน 6,476 ราย ลงทุนรายละ 50,000 บาท รวมเป็นเงินลงทุนทั้งหมด 323,800,000 บาท
รวมสมาชิกทั้งหมด 368,257 ราย รวมเงินลงทุนทั้งหมด 10,130,782,500 บาท
ทั้งนี้ บอสพอลกล่าวเสริมว่า หลังจากนี้เพื่อไม่ให้มีปัญหา ขอประกาศงดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายทุกกรณี ส่วนใครที่เป็นตัวแทนอยู่ ขอให้ดำเนินกิจการต่อไปตามหน้าที่
ผบ.ตร.เร่งรวบรวมหลักฐานแจ้งข้อหา
ด้าน ผบ.ตร.เผยขณะนี้ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ และแจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหารบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ให้ทันภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนยอดผู้เสียหายล่าสุดกว่า 1,000 คน มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้แถลงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้ รู้สึกพอใจ คดีมีความคืบหน้าไปมาก ส่วนการออกหมายจับต้องรอบคอบ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาแสดงตัว และมีที่ปรึกษาด้านกฎหมายมาด้วย แต่ตำรวจไม่ได้วิตกกังวลแต่อย่างใด เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมออกมาจับ และแจ้งข้อกล่าวหาให้ทันภายในเดือนตุลาคมนี้
ส่วนเรื่องของการอายัดทรัพย์สินและบัญชีการเงิน ได้มีการประสาน ปปง.พิจารณาแล้ว ว่าจะเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงินหรือไม่ ทราบว่าคณะกรรมการธุรกรรมจะมีประชุมสรุปผลในวันที่ 17 ตุลาคม ทางตำรวจอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณา ส่วนการกระทำความผิด จากการพิจารณาจากข้อเท็จจริงเข้าข่ายกระทำความผิดเรื่องเกี่ยวกับตลาดขายตรง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค, พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ความผิดเรื่องการฉ้อโกงประชาชนที่มีเรื่องการฟอกเงิน
รับผลิตภัณฑ์ ดิไอคอนฯ เคยมีปัญหาโฆษณา
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับผลิตภัณฑ์ ดิไอคอน กรุ๊ป เคยมีปัญหาโฆษณา-ฉลากไม่ถูกต้อง มองปัญหาอยู่ที่การหาสมาชิก อาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในเครือบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ว่า ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
ได้ทำหนังสือถึง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าอาจจะมีการฝ่าฝืนมาตรา 40 และ 41 ในเรื่องการโฆษณาและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง รวม 5 คดี
ส่วนการดำเนินการฝ่าฝืน พ.ร.บ.อาหาร ปี 2552 ซึ่งโทษปรับ เป็นการปรับไปหมดแล้วเป็นที่เรียบร้อย ส่วนโทษอาญามีอยู่อีก 1 คดี โดยขณะนี้อยู่ในชั้นศาล พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของตัวสินค้า จะมีปัญหาเรื่องฉลากสินค้าที่เขียนเกินความจริง ซึ่งทุกอย่างดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยไปหมดแล้ว
ทั้งนี้มองว่ามีปัญหาในเรื่องการหาสมาชิก มีการจ่ายเงินค่าสมาชิก ซึ่งอาจจะเข้าข่ายลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยจะเกี่ยวข้องกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เนื่องจากมีผู้เสียหายเกิน 300 คนขึ้นไป และมูลค่าความเสียหายเกินกว่า 100 ล้านบาท ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรต้องติดตามดู
สั่ง ดีเอสไอ เกาะติดทรัพย์สิน
ขณะที่รัฐมนตรีว่ากการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้ ดีเอสไอ เกาะติดทรัพย์สินของ‘ดิไอคอน’คืนผู้เสียหาย โดย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีดิไอคอน กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ว่า ขณะนี้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่ยังไม่ได้กระทำความผิดตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)การกู้ยืมเงิน หรือแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจะมีความแตกต่างกัน ที่หวังเอาผู้สมัครสมาชิกมาเอาเงิน สินค้ามีบ้างหรือไม่มีบ้าง แต่ในคดีฉ้อโกงประชาชน เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจ แต่ถ้าหากเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ก็จะมีเกณฑ์
พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า ขอชื่นชมตำรวจที่ทำคดีได้เร็ว พร้อมเป็นห่วงเรื่องการสอบสวน ซึ่งนำมาเป็นคดีพิเศษได้ แต่ขอให้ตำรวจได้ทำงาน เพราะทราบว่าขณะนี้ ใช้พนักงานสืบสวนทำคดีนี้กว่า 50 นาย เชื่อว่ามีประสิทธิภาพพอ แต่คดีลักษณะนี้ เราจะต้องเอาทรัพย์สินมาคืนให้ผู้เสียหาย โดยดีเอสไอได้สั่งการให้ดูเกี่ยวกับเรื่องการฟอกเงินอยู่แล้ว หากจำนวนเงินเกินกว่า 300 ล้านบาท จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และถ้าหลักฐานเป็นประโยชน์ก็จะส่งให้เป็นคดีพิเศษ
เผย ดิไอคอน ยังไม่เข้าคดีพิเศษ
พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยหลังการประชุมติดตามคดี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด อาจเข้าข่ายคดีพิเศษ ว่า เบื้องต้น กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้รับมอบหมายให้มีหนังสือประสานไปยัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอทราบรายละเอียดประเด็นการสืบสวนสอบสวน และเป็นข้อมูลในการดำเนินการคู่ขนานกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นตำรวจให้สัมภาษณ์ว่าอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และยังไม่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ พันตำรวจตรี วรณัน กล่าวว่า ส่วนดีเอสไอมีการสืบสวนสอบสวน ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะตอบว่า เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่
เมื่อถามว่า สำหรับผู้เสียหาย และมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ต้องเข้าข่ายคดีพิเศษหรือไม่นั้น พันตำรวจตรี วรณัน ระบุว่า เรื่องผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหาย ทุกคนได้รับทราบกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่กระทบต่อสังคม แต่ในเรื่องเขตอำนาจว่า คดีไหนเป็นคดีพิเศษนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงาน แต่ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังรับผิดชอบการทำงานอยู่ ดีเอสไอก็พร้อมคอยซัพพอร์ต
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35