หมายจับมาแน่ ? เจาะปม “ดารา” แห่ยุติสัญญา “คอร์สออนไลน์” สละเรือทันไหม ?

15,333 ครั้ง

11 ต.ค. 2567

แชร์ข่าวไปที่

ความเสียหายเริ่มบานปลายในคดีคอร์สออนไลน์ของบริษัทดัง ที่ดาราชื่อดังหลายคนมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้เป็นเพียงพรีเซนเตอร์จะมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่

วันที่ 11 ต.ค. 67 คุณนานา ผู้ร้องทุกข์ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า นเห็นโฆษณาแล้วสนใจเข้าไปเรียนเกี่ยวกับการขายของออนไลน์ หลังจากเรียนเสร็จแล้วมีการชักชวนไปงาน พบว่ามีแม่ทีมและดาราหลายคนมาบรรยายถามว่าอยากรวยเร็วไหม

ถกไม่เถียง : หมายจับมาแน่ ? เจาะปม “ดารา” แห่ยุต

ด้วยความน่าเชื่อถือทำให้ตนสนใจเข้าไปร่วมลงทุน บอสที่เป็นพี่เลี้ยงตนแนะนำว่าไม่ต้องกลัวที่จะเป็นหนี้ ให้ไปกู้หรือขายทรัพย์สินมาลงทุน เพื่อไปเที่ยวและถ่ายรูปกับดาราเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ตนบอกว่าต้องการเพียงแค่จะขายของแต่อีกฝ่ายตอบว่าให้โฟกัสเพียงวิธีการหาเงินให้ได้เร็ว ๆ ก็พอ

คุณทราย ผู้ร้องทุกข์ เล่าว่า ตนเห็นโฆษณาหลายช่องทาง อยากมีอาชีพหารายได้เสริม ตัดสินใจเข้าเรียนเพื่อนำความรู้ไปต่อยอด จากนั้นมีผู้ที่เคยประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์มาบรรยายว่าต้องทำอย่างไร โดยวิธีการคือต้องลงทุนกับบริษัทเป็นลำดับขึ้นตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนบาท สุดท้ายตนหลงเชื่อเสียเงินไปหลายแสนบาท

คุณไอซ์ ผู้ร้องทุกข์ เล่าว่า ตนทำธุรกิจขายตรงมาก่อนแล้วเห็นโฆษณาคอร์สขายของออนไลน์ 98 บาท ตนสืบค้นข้อมูลมาอย่างดีคิดว่าบริษัทนี้น่าเชื่อถือ จึงตัดสินใจเข้าเรียน จนกระทั่งได้เจอตัวบุคคลที่ตนเชื่อถือ สุดท้ายเสียเงินกว่า 4 แสนบาท ภายในระยะเวลา 5 เดือน และตนรู้สึกผิดมากที่ชวนเพื่อนสนิทมาร่วมลงทุนด้วย

คุณเก่ง ผู้ประสานงานผู้เสียหาย เผยว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเริ่มเข้าเรียงช่วงโควิด-19 เนื่องจากต้องการหารายได้เพิ่ม จนสุดท้ายต้องเสียเงินหลายแสนบาท บางคนต้องไปกู้เงินเป็นหนี้มาลงทุน บางคนสูญเสียเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต บางคนเครียดหนักจนคิดอยากจะจบชีวิตของตัวเอง ความต้องการหลักของผู้เสียหายคืออยากได้เงินคืน

คุณ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม เผยว่ามีผู้เสียหายรวมมากกว่าพันคนแล้ว จากคอร์สเรียนออนไลน์ราคาไม่ถึง 100 บาท โดยอาศัยวิกฤติช่วงโควิด-19 ใช้ดาราเป็นส่วนในการสร้างความน่าเชื่อถือ ผู้เสียหายหลายคนเล่าว่าตัดสินใจง่ายขึ้น เนื่องจากเชื่อถือในตัวดาราที่ตัวเองชื่นชอบ หลังจากนำเงินมาลงทุนแล้วไม่ได้ผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง ก็จะถูกกดดันจนส่งผลต่อสภาพจิตใจ

คุณ ชลิดา พะละมาตย์ (ต้นอ้อ) ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เล่าว่า มีผู้เสียหายมาร้องกับตนหลายร้อยคน มีบางคนคิดอยากจบชีวิตตัวเอง เพราะคิดว่าการลงทุนนี้จะช่วยพลิกชีวิตของตัวเองได้ ด้วยความเชื่อถือในตัวของดารา จึงไปกู้เงินมาจนเกิดความขัดแย้งกับครอบครัว แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยทัน พบว่าผู้เสียหายหลายคนเข้ามาลงทุนเพราะเชื่อถือในตัวของดารา

คุณ ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด วิเคราะห์ด้านกฎหมายว่า จากการอ่านสัญญาพบว่าบริษัทดังกล่าวลอกเลียนแบบการขายตรง ทั้งที่ตัวบริษัทจดทะเบียนขายตรงไม่ผ่าน เป็นการนำหลากหลายวิธีการมารวมกันเพื่อล่อลวงผู้เสียหาย การเอาผิดบริษัทดังกล่าวที่ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก เชื่อว่าจะมีความผิดหลายข้อหา นอกจากนี้ดาราหลายคนอาจมีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน การกระทำนี้ไม่ใช่การชวนลงทุนแบบที่หลายคนเชื่อกัน แต่เป็นการหลอกให้ไปซื้อของแต่ไม่มีของให้ขาย

ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยา และพฤติกรรมอาชญากร มหาวิทยาลัยมหิดล วิเคราะห์ว่า การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับองค์กรอาชญากรรม ตามหลักจิตวิทยาเป็นการให้ความรู้ก่อนแล้วค่อยหาเงินจากผู้เสียหายภายหลัง นอกจากนี้สิ่งที่บริษัทนี้ได้คือข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า วิเคราะห์ว่าผู้ที่มาชักชวนมีความรู้ด้านจิตวิทยา เพื่อกดดันหรือยกยอชักชวนผู้เสียหายให้เสียเงิน

คุณปอ ดีลเลอร์ ชี้แจงว่า ตนเห็นความน่าสนใจผ่านรายการหนึ่ง สนใจว่าจะได้รับความรู้จากคอร์สเรียนเพื่อไปต่อยอดธุรกิจ จากนั้นได้รับข้อเสนอแต่นอกจากนี้ตนมีความต้องการใช้สินค้าของบริษัทนี้อยู่แล้ว เมื่อใช้แล้วเห็นผลจนคนรอบข้างสนใจจึงนำมาขายด้วย ยืนยันว่าบอสของทีมตนดูแลดีมากมีการสอนกันตลอดเวลา แต่ไม่ได้นำสินค้ามาสร้างเป็นรายได้หลัก เชื่อว่าสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้อาจจะเกิดจากตัวบุคคล ว่าพยายามเรียนรู้มากพอหรือไม่ และมีบอสผู้ดูแลดีหรือไม่ และตนยังเชื่อมั่นในบริษัทนี้อยู่

ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35