ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ยังหาไม่เจอ เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ติดในซากริมตลิ่ง หลังบ้านทรุดตัวลงแม่น้ำยม
เมื่อวานนี้ ที่ดินริมแม่น้ำยม หมู่ 4 ตำบลคลองกระจง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เกิดทรุดตัวลงในแม่น้ำ ในคลิปก่อนเกิดเหตุมีชาวบ้าน 10 คนอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เพื่อเก็บสิ่งของเตรียมอพยพ แต่จู่ ๆ ตลิ่งทรุดตัวลง จนบ้านพังถล่มลงมา มีชาวบ้านหนีออกมาได้ 7 คน แต่ยังมีคนติดอยู่ในบ้านอีก 3 คน คือ นายพิทักษ์ อายุ 45 ปี นายราเชน อายุ 52 ปี และเด็กหญิง วัย 10 ขวบ ต่อมา เจ้าหน้าที่ค้นหาพบ 2 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 คน คือ นายราเชน ส่วนเด็กหญิง 10 ขวบ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบ
ล่าสุด เจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง อาสากู้ภัย ยังคงระดมกำลังค้นหาเด็กหญิงวัย 10 ขวบ อย่างต่อเนื่อง พร้อมประชุมวางแผนค้นหา เพราะเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังการปฏิบัติงานอย่างมาก เนื่องจากสภาพตลิ่ง เต็มไปด้วยโคลน พร้อมจะไหลตลอดเวลา
เบื้องต้นแบ่งกำลังนำเรือท้องแบน ล่องไปตามแม่น้ำยม มายังจุดที่ดินสไลด์ โดยจะไม่เดินบนถนนริมแม่น้ำยมหน้าบ้านหลังเกิดเหตุ เนื่องจากถนนดังกล่าวใต้ดินเป็นโพรง และช่วยกันขนของออกจากบ้านที่ติดกัน เพื่อลดน้ำหนัก ไม่ให้บ้านพังลงไปอีกหลัง รวมถึงป้องกันการเกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่
นายปพน ปลัดอาวุโส อำเภอสวรรคโลก กล่าวว่า เบื้องต้นทราบพิกัดที่คาดว่า เด็กหญิงผู้สูญหาย น่าจะติดอยู่ใกล้กับที่พบผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต ซึ่งน่าจะอยู่แถวต้นมะกอก แต่ปัญหาคือข้าวของได้หล่นมาทับบริเวณดังกล่าว จึงยากแก่การเข้าค้นหา
ด้าน นายภาณุมาศ เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ ยังทำใจไม่ได้ กล่าวสั้นๆ ว่า รู้สึกเสียใจมาก
ส่วนที่ จังหวัดลำพูน พื้นที่บ้านหลุก หมู่ที่ 8 ตำบลเหมืองง่า เร่งผลักดันน้ำออกจากพื้นที่ โดยการนำกระสอบทรายมากั้นริมถนนในหมู่บ้าน ที่ติดกับลำคลอง หลังจากมวลน้ำไหลมาจากอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เข้าสู่ลำพูน ตำบลอุโมงค์ ตำบลหนองช้างคืน และ ตำบลเหมืองง่า
ส่วนที่ จังหวัดนนทบุรี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ชุมชนบางพูดสามัคคี 2 ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด พบ นายวิเชียร กรรมการชุมชน บอกว่า ระดับน้ำวันนี้สูงกว่าที่ผ่านมา หากระดับน้ำสูงขึ้นอีก น้ำจะซึมเข้ามาในพื้นที่ชุมชน ตอนนี้ได้นำหินมากั้น เพื่อให้รถบรรทุกสามารถเข้า-ออกได้ สำหรับการขนส่งสินค้า พร้อมกังวลว่า หากมีพายุเข้ามา หรือมีการระบายน้ำจากเขื่อนเพิ่มเติม อาจทำให้น้ำท่วมในชุมชน
ด้าน นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เผยว่า ปริมาณน้ำกำลังไหลเคลื่อนผ่านเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ในเกณฑ์ 2,199 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไม่เกินจากนี้ ถือเป็นมวลน้ำสูงสุดแล้ว และมวลน้ำที่มาจากแม่น้ำปิง หรือลำน้ำน่านอยู่ในระดับทรงตัวและลดลง ส่วนแม่น้ำสะแกกรัง ในขณะนี้ยังไม่มีฝนมาเติม จึงทำให้น้ำไม่ไหลมาเติมในเขื่อนเจ้าพระยา เพราะฉะนั้นในเวลานี้จะเป็นการเร่งระบายน้ำจากไปสู่ทุ่งรับน้ำ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งก็จะไปกระทบกับพื้นที่ริมตลิ่งตั้งแต่จังหวัดชัยนาท ลงมาจนถึงกรุงเทพมหานคร
สำหรับวันนี้ (9 ต.ค.) ปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมงสูงสุด ได้แก่ ภาคตะวันตก จังหวัดราชบุรี (102 มม.) ภาคใต้ จังหวัดตรัง (83 มม.) ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (77 มม.) ภาคกลาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร (74 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ (70 มม.) ภาคตะวันออก จังหวัดสระแก้ว (65 มม.)
ส่วนคาดการณ์ช่วงวันที่ 10-14 ตุลาคม ความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่มีลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และอ่าวไทย รวมทั้งร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน
ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนล่าง และภาคใต้ตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่งผลให้สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม ปริมาณน้ำรวม 78 ของความจุเก็บกัก (62,728 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 66 (38,538 ล้าน ลบ.ม.)
อย่างไรก็ดีทาง สทนช. ได้มีการประกาศ เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 13-24 ตุลาคม เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับมวลน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำไหลลงมาสมทบส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) จึงขอให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม
ขณะเดียวกัน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง ช่วงวันที่ 9-12 ตุลาคม เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ทำให้มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ต้องเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่ง 16 จังหวัด
บริเวณ ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง สตูล พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส จึงขอให้เฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำ รวมทั้งแจ้งเตือนล่วงหน้าให้แก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง
ทั้งนี้ กรมชลประทาน เตรียมความพร้อมรับมือพื้นที่เสี่ยงและเฝ้าระวังภาคใต้ วันนี้ (9 ต.ค.) - 11 ตุลาคมนี้ โดยในพื้นที่ภาคใต้ เตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำ 552 เครื่อง ในพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมเป็นประจำ เพื่อให้สามารถนำไปช่วยเหลือได้ทันทีและสั่งการเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ จำนวนมาก เช่น เครื่องสูบน้ำ 552 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 227 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 44 คัน และเครื่องจักรกลสนับสนุนอื่น ๆ 277 หน่วย
ทีมผู้ประกาศข่าวช่อง 7HD เดินทางถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้ว แล้วก็ไปสำรวจจุดรับน้ำในพื้นที่รับน้ำต่อจากอำเภอสารภี คือ จังหวัดลำพูน ไปร่วมกับจิตอาสานำของไปแจกจ่ายให้กับประชาชน อำเภอเมืองลำพูน
โดยในพรุ่งนี้จะนำถุงยังชีพจากโครงการกองทัพ 7 สีช่วยชาวบ้าน ไปช่วยเหลือยังจุดต่าง ๆ ดังนี้ จังหวัดเชียงใหม่ วัดเกาะกลาง 375 ชุด เทศบาลตำหนองแฝก อำเภอสารภี 500 ชุด และ วัดดอนจั่น จังหวัดลำพูน บ้านสันกับตอง ตำบลอุโมงค์
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35