ไขสาเหตุที่แท้จริงของเหตุสลดบนรถบัส ที่มาพร้อมกับข้อมูลสุดแปลกที่ไม่น่าเชื่อว่า รถคันนี้จดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 มีอายุกว่า 54 ปี แถมยังมีถังก๊าซมากถึง 11 ถัง ทำให้สังคมตั้งคำถามว่ารถคันนี้มีมาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่
วันที่ 2 ต.ค. 67 คุณ พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า อายุของรถไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือสภาพของรถ การจดทะเบียนครั้งแรกของรถคันนี้เมื่อ 54 ปีที่แล้ว เป็นคนละยี่ห้อกับในปัจจุบัน แต่มีการแก้ไขซ่อมแซมเปลี่ยนอะไหล่มาอย่างต่อเนื่องจนไม่เหลือเค้าเดิม
ต้องไปตรวจสอบว่ารถคันนี้ผ่านการแปลงสภาพครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ทำอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ วิเคราะห์ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากล้อหน้า ส่วนความเสียหายที่ตามมาคาดว่าเกิดจากถังก๊าซบริเวณหน้ารถ โดยปกติแล้วก๊าซจะพุ่งขึ้นข้างบน แต่จากลักษณะที่ติดตั้งทำให้ก๊าซไม่มีทางออกเพราะติดอยู่ใต้พื้นรถ จึงทำให้เพลิงไหม้กระจายอย่างรวดเร็ว
ผศ.ดร.จินดา เจริญพรพาณิชย์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการเทคโนโลยียานยนต์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ให้ความเห็นว่า การประกอบรถยนต์ตามกฎหมายจะมีการกำกับดูแลเรื่องมาตรฐานการปลอดภัย โดยมีวิธีการตรวจสอบความปลอดภัยจะมีวิศวกรมารับรอง ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่ามีมาตรฐานความปลอดภัยจริงหรือไม่
ส่วนจำนวนถังก๊าซที่มีเยอะถ้าหากออกแบบและติดตั้งอย่างปลอดภัยก็จะไม่เกิดเหตุลักษณะนี้ จะต้องตรวจสอบว่าทำไมระบบก๊าซถึงไม่ตัดเมื่อมีอุบัติเหตุ และตรวจสอบประตูฉุกเฉินว่ามีการทดลองเปิดก่อนมาให้บริการหรือไม่ อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากการออกแบบที่ไม่มีมาตรฐาน
คุณ ณรงค์ศักดิ์ เทพจันตา (เจเล่) พลเมืองดี เล่าว่า ช่วงเที่ยงของวันที่เกิดเหตุ ตนขี่รถมาพร้อมกับรถบัสคันที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ยินเสียงยางระเบิดแล้วเห็นว่ารถเสียหลักแล้วเกิดเพลิงไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจุดที่ไฟโหมรุนแรงที่สุดคือบริเวณประตูกลางรถ ตัดสินใจจอดรถเพื่อเข้าไปช่วยเหลือพร้อมกับพลเมืองดีหลายคน พยายามทุบกระจกหลังรถเพื่อให้คนหนีออกมา เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้ตนเป็นอย่างมาก ถ้าหากมีอุปกรณ์ที่พร้อมอาจจะช่วยคนได้มากกว่านี้
อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ (ยอด นคร 45) เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เล่าว่า หลังเพลิงสงบตนเห็นว่ามีค้อนขนาดใหญ่ตกอยู่หน้ารถ เชื่อว่าจะต้องมีผู้รู้ว่าค้อนนี้เก็บไว้ที่ไหนอาจจะเป็นเด็กรถหรือคนขับรถ ส่วนค้อนนิรภัยยังหาไม่พบ นอกจากนี้ยังพบถังก๊าซมากถึง 11 ถัง ซึ่งถือว่าเยอะผิดปกติและมี 2 ถังอยู่บริเวณหน้ารถใกล้ที่นั่งคนขับ ส่วนประตูฉุกเฉินยังปิดอยู่ไม่มีการเปิดออก พร้อมแนะนำวิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ลักษณะนี้ ด้วยการใช้ค้อนนิรภัยทุบไปยังบริเวณใกล้กับมุมขอบของกระจกจะทำให้กระจกแตกง่ายกว่าทุบตรงกลาง อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามากำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยให้ดีกว่านี้
พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ให้คำแนะนำผู้ที่ประสบกับเหตุร้ายลักษณะนี้ว่า เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดภาวะอารมณ์หลากหลายรูปแบบเมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พร้อมแนะนำคุณเจเล่ พลเมืองดีว่า ขอให้ก้าวข้ามความรู้สึกผิดที่ช่วยคนอื่นไม่ได้ ไปเป็นการกล้าที่จะทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป ส่วนผู้ที่ดูข่าวแล้วจิตตก แนะนำให้ปิดการเข้าถึงสื่อออนไลน์ ไปหากิจวัตรอื่นทำอย่าอยู่กับเรื่องนี้ตลอดเวลา เปลี่ยนความเสียใจให้เป็นแรงผลักดันให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและสังคม
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม