ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและค่าครองชีพพุ่งสูงอย่างปี 2567 นี้ คนทุกวัยต่างต้องดิ้นรนเอาตัวรอด แต่กลุ่มที่น่าเป็นห่วงเป็นพิเศษคือ Gen Z หรือวัยรุ่นยุคใหม่ ที่กำลังเผชิญกับปัญหาการก่อหนี้อย่างรวดเร็ว แม้จะเพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงาน จากข้อมูลพบว่า เด็กรุ่นใหม่ในช่วงอายุ 20 ต้น ๆ มีรายได้เฉลี่ยต่อปีเพียง 1.6 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่า Gen Y ในช่วงวัยเดียวกันถึง 12.2% ที่มีรายได้เฉลี่ย 1.8 ล้านบาท แต่กลับต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างมาก
ทำไม Gen Z ถึงเป็นหนี้เร็วนัก ?
1. กำลังซื้อสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว :
- Gen Z สามารถสร้างรายได้ได้เร็ว โดยเฉพาะในโลกออนไลน์
- ความสามารถในการหารายได้จากหลากหลายช่องทาง เช่น การเป็น influencer, freelance, หรือธุรกิจออนไลน์
- แต่รายได้ที่เพิ่มขึ้นมักไม่สัมพันธ์กับทักษะการจัดการเงิน
2. "ของมันต้องมี" ซินโดรม : หลายคนตกเป็นเหยื่อของการบริโภคนิยม โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- โปรโมชันล่อใจ :
- Double Day และโปรโมชันลดราคาแรงๆ ทำให้หลายคนซื้อของที่ไม่จำเป็น
- การกดซื้อสินค้าหลายรายการพร้อมกันเพื่อให้ได้ฟรีค่าจัดส่ง
- การสะสมคูปองส่วนลดจนเกินความจำเป็น
- แรงกดดันทางสังคม :
- ความต้องการเข้าสังคมและได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน
- การจัดงานวันเกิดแบบอลังการเพื่อถ่ายรูปลง Social media
- การซื้อสินค้าแบรนด์เนมหรือเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อสร้างภาพลักษณ์
- ความสะดวกสบาย :
- การใช้บริการ Delivery บ่อยครั้ง โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
- การสมัครบริการ Subscription ต่างๆ ที่อาจไม่จำเป็นหรือใช้ไม่คุ้มค่า
- การซื้อความสุขระยะสั้น เช่น การทำเล็บ หรือคอร์สเสริมความงามที่เกินกำลัง
- นโยบายผ่อน 0% :
- การตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะสามารถผ่อน 0% โดยไม่ได้คำนวณภาระค่าใช้จ่ายรวมต่อเดือน
- การผ่อนสินค้าหลายรายการพร้อมกัน จนเงินที่ต้องผ่อนรวมกันเกิน 20% ของรายได้ประจำ
- การมองข้ามค่าธรรมเนียมแฝงหรือดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นหากผิดนัดชำระ
3. ขาดความรู้ทางการเงิน :
- หลายคนหันไปพึ่งบัตรเครดิตโดยขาดความเข้าใจในการบริหารจัดการหนี้
- การใช้บัตรเครดิตเพื่อชดเชยช่องว่างทางการเงิน โดยไม่มีแผนการชำระหนี้ที่ชัดเจน
- การขาดความรู้เรื่องดอกเบี้ยทบต้นและผลกระทบระยะยาวของการมีหนี้สิน
เคล็ดลับการจัดการเงินสำหรับ Gen Z
1. ออมก่อนใช้ :
- ตั้งเป้าหมายการออมและลงมือทำทันที แม้จะเริ่มจากจำนวนเล็กน้อย
- ใช้วิธี "Pay Yourself First" โดยหักเงินออมทันทีที่ได้รับรายได้
- ตั้งระบบออมอัตโนมัติ เช่น การหักเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ทุกเดือน
- สร้าง Mindset ว่าการออมคือการให้รางวัลตัวเองในอนาคต
2. ใช้เงินอย่างชาญฉลาด :
- แยกแยะระหว่างสิ่งจำเป็นและสิ่งที่อยากได้ ใช้หลัก "Need vs Want"
- ให้ความสำคัญกับการปลดหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง
- วางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้าและทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
- ใช้กฎ 50/30/20 ในการจัดสรรเงิน: 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น, 30% สำหรับความต้องการ, 20% สำหรับการออมและการลงทุน
3. เพิ่มรายได้ :
- ไม่เพียงแค่ลดรายจ่าย แต่ต้องหาทางเพิ่มรายได้ด้วย
- พัฒนาทักษะในสายอาชีพเพื่อเพิ่มโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งหรือขึ้นเงินเดือน
- หารายได้เสริม เช่น งาน freelance, ขายของออนไลน์, หรือสร้างคอนเทนต์บน social media
- ลงทุนในการศึกษาและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
4. เริ่มต้นลงทุน :
- แม้จะมีเงินไม่มาก ก็สามารถเริ่มลงทุนได้
- ศึกษาการลงทุนในกองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุน LTF หรือ RMF ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
- พิจารณาการลงทุนในหุ้นหรือ ETF โดยเริ่มจากจำนวนเงินที่รับความเสี่ยงได้
- ศึกษาการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างรอบคอบ เช่น คริปโตเคอเรนซี แต่ต้องระวังความผันผวนสูง
- ใช้หลักการ Dollar-Cost Averaging (DCA) ในการทยอยลงทุนสม่ำเสมอ
Gen Z มีความได้เปรียบด้านเวลาในการสร้างความมั่งคั่ง แต่ต้องไม่ประมาททางการเงิน การวางแผนการเงินที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงในอนาคต โดยเน้นทั้งการออมเงิน ใช้เงินอย่างฉลาด หาเงินเก่ง และต่อยอดเงินผ่านการลงทุน
การเริ่มต้นด้วยการสร้างนิสัยทางการเงินที่ดี เช่น การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การตั้งเป้าหมายทางการเงินระยะสั้นและระยะยาว และการศึกษาหาความรู้ด้านการเงินอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ Gen Z สามารถรับมือกับความท้าทายทางการเงินในอนาคตได้อย่างมั่นใจ
ท้ายที่สุด การสร้างความสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตในปัจจุบันและการวางแผนสำหรับอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ Gen Z ควรเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับชีวิตโดยไม่ต้องใช้จ่ายเกินตัว และในขณะเดียวกันก็วางรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคต
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital
VIDEO