logo ข่าวเย็นประเด็นร้อน

“เสรีพิศุทธ์” สยบข่าวลือ “เพื่อไทย” เสนอเก้าอี้รองนายกฯ | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ข่าวเย็นประเด็นร้อน : ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจาก พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาแฉยับว่า เคยไปเยี่ยม นายทักษิณ 2 ค ช่อง7,ช่อง7HD,CH7,CH7HD,7HD,CH7HDNEWS,ข่าว,ข่าว7,ข่าวช่อง7,ข่าววันนี้,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ข่าวสด,ข่าวเด็ด,ข่าวด่วน,ข่าวร้อน,ข่าวไทย,ข่าวออนไลน์,ข่าวโซเชียล,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวการเมือง,ดูทีวีย้อนหลัง,ดูรายการย้อนหลัง,ดูย้อนหลัง,ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,TERODigital,ข่าวเย็นประเด็นร้อน,สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา,สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์,เปรมสุดา สันติวัฒนา,ฝนฟ้าอากาศ

2,133 ครั้ง
|
30 ส.ค. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจาก พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาแฉยับว่า เคยไปเยี่ยม นายทักษิณ 2 ครั้งที่ชั้น 14 แต่ยังไม่บอกว่า ป่วยจริงหรือเปล่า พร้อมตัดสัมพันธ์ 51 ปี กับนายทักษิณ หลังไม่เห็นคุณค่า และประกาศถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้มีกระแสข่าวว่า เพื่อไทย เตรียมง้อ พร้อมเสนอเก้าอี้รัฐมนตรีให้ แต่ล่าสุดเจ้าตัวออกมาสยบข่าวเรียบร้อยแล้ว  
 
เสรีพิศุทธ์ สยบข่าวลือ ปัดนั่ง รองนายกฯ
 
ช่วงเช้าวันนี้ มีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมส่งคนเจรจา พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้กลับมาร่วมรัฐบาล และ อาจเสนอตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีให้นั้น
 
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกระแสข่าวดังกล่าว โดยยืนยันว่า ไม่มีการติดต่อทาบทามมา แม้จะมีการติดต่อมาก็ไม่สนใจ ยังคงยืนยันในจุดยืนที่ได้แถลงไปแล้วเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ในการถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และมาทำหน้าที่เป็นพรรคฝ่ายค้านอิสระ ในการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล พร้อมเชื่อว่า รัฐบาลของนางสาวแพทองธาร จะไม่มีการติดต่อมา เพราะเลยช่วงระยะเวลาการพูดคุย การจัดตั้ง ครม. มาแล้ว ซึ่งคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ สอดคล้องกับการแถลงครั้งล่าสุด (29 ส.ค.) พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่า แม้จะถูกพรรคเพื่อไทยทาบทามให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ก็จะไม่เข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน
 
หลังจากนี้ยังต้องจับตาท่าทีของ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ว่า หลังจากนี้จะออกแฉต่อภาค 2 เมื่อไร เพราะเมื่อวาน พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ บอกว่า ขอให้รอดูว่า หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะเชิญตนไปให้ข้อมูลหรือไม่ ขอบอกเลยว่า หลังจากนี้ จะต้องติดคุกกันทั้งหมด ตั้งแต่ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมขอให้นักข่าวคอยดูภาค 2
 
ทนายเดชา เชื่องานนี้มีคนติดคุกแน่นอน
 
ขณะที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ออกมาไลฟ์ผ่านเฟจเฟซบุ๊กถึงการออกมาแถลงข่าวของ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ว่า หลังจากนี้ต้องติดตามอีพี 2 ของ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ซึ่งคนอย่าง พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ต้องการดำเนินคดีกับใครเสร็จทุกราย เพราะเป็นคนหาหลักฐานเก่ง
 
เผย เสรีพิศุทธ์ เคยสอย สิระ-ศรีสุวรรณ-สนธิญา
 
โดยก่อนหน้านี้ ต้องบอกว่า ใครมีปัญหากับพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ จบไม่สวยเท่าไร ยกตัวอย่างคดีดัง ๆ อย่างเมื่อปี 2564 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ หลุดสส. เพราะเคยต้องคำพิพากษา ติดคุกคดีฉ้อโกงเมื่อ 2538 ซึ่งคนที่ร้องก็คือ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์  ที่ยื่นให้ประธานสภาฯ ส่งคำร้อง จากนั้นปี 2566 อธิบดีกรมการปกครอง มีคำสั่งยุบสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ของ นายศรีสุวรรณ จรรยา หลังพบแอบอ้างผู้อื่นมาจดจัดตั้งสมาคม ซึ่งคนที่ยื่นร้องให้อธิบดีกรมการปกครองก็คือ  พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ และเมื่อเดือน พ.ค.2567 ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กรณีให้สัมภาษณ์หมิ่น พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เป็นเวลา 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท แต่โทษจำคุก ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
 
ป.ป.ช.เผยยังไม่ได้วงจรปิดชั้น 14
 
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีว่า นายทักษิณ ชินวัตร รักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจตำรวจ ป่วยจริงหรือไม่นั้น นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ป.ป.ช. ตรวจสอบไปมากแล้ว ซึ่งมีข้อมูลมาพอสมควร เดี๋ยวจะมีการสรุปว่า มีมูลไต่สวนได้หรือไม่ ส่วนหลักฐานภาพวงจรปิดในชั้น 14 ทาง ป.ป.ช. ได้ขอไปนานแล้ว แต่ยังไม่ได้ ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ อยู่ตลอด ซึ่งอาจจะต้องเข้าไปตรวจสอบว่ามีภาพกล้องวงจรปิดหรือไม่ และ หากมีแล้วใช้ได้หรือไม่ รวมถึงได้ขอข้อมูลเวชระเบียนของนายทักษิณ และข้อมูลอื่น ๆ ไปอีกหลายเรื่อง แต่ยังได้มาไม่ครบ
 
นายนิวัติไชย ย้ำว่า กฎหมายให้อำนาจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ หากไม่ได้รับความร่วมมือ ป.ป.ช.ก็มีสิทธิ์เข้าไปตรวจสอบถึงเหตุผลว่าทำไมจึงไม่ให้ และมีข้อเท็จจริงอย่างไร ซึ่งตามหลักการหน่วยงานนั้นต้องชี้แจง เป็นไปตามระเบียบการทำงานของหน่วยงาน
 
ส่วนจะเชิญพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยมาเป็นพยานหรือไม่นั้น ต้องดูว่าจะเชิญมาสอบถามเรื่องอะไร และจำเป็นจะต้องเชิญมาหรือไม่ ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่พิจารณาว่ามีความจำเป็นหรือไม่
 
ส่วนกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถือหุ้นบริษัทต่าง ๆ นั้น ขณะนี้ยังไม่มีใครร้องมา เรื่องนี้ต้องพิจารณาด้วยว่าอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะตรวจสอบหรือไม่ ซึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย การเซ็นโอนหุ้นของผู้ที่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองสามารถทำได้ หลังถวายสัตย์ปฏิญาณตนภายใน 15 วันก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องโอนหุ้น ก่อนได้รับการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.หุ้น ซึ่งการถือครองหุ้น หลังจากดำรงตำแหน่งแล้ว ก็ยังถือครองได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกินจากนั้นต้องดำเนินการให้นิติบุคคลเป็นผู้จัดการ
 
เรืองไกร ท้า อุ๊งอิ๊ง เปิดหลักฐานลาออก 20 บริษัท
 
ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่าง ๆ รวม 20 บริษัท ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ก่อนได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ลงนามในหนังสือลาออกทั้ง 20 บริษัท จริงหรือไม่ 
 
เพราะหลังจากตนไปขอคัดเอกสารจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาตรวจดู พบว่า ทั้ง 20 บริษัทไปจดทะเบียนแก้ไขจำนวนกรรมการบริษัทในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 และระบุตรงกันว่า บริษัททั้ง 20 แห่ง ได้รับหนังสือลาออกในวันเดียวกัน คือ วันที่ 15 สิงหาคม นั้น โดยบริษัททั้ง 20 แห่ง มีที่ตั้งทั้งในกรุงเทพฯ, ปทุมธานี, นครราชสีมา และลำพูน จึงน่าสงสัยว่า หนังสือลาออกที่แต่ละบริษัทระบุว่าได้รับเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมจริงหรือไม่
 
หากการลาออกถูกต้องตามวันเวลาดังกล่าวจริง ก็ไม่มีปัญหาต่อการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่หากการลาออกมีการทำเอกสารย้อนหลัง หรือ ลาออกจริง หลังจากวันที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็อาจมีประเด็นให้ กกต. ตรวจสอบว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่
 
แพทองธาร ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม
 
ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ที่ วัดคลองกระจง จังหวัดสุโขทัย โดยมีประชาชนมารอต้อนรับ มอบดอกกุหลาบให้จำนวนมาก 
 
โดยนางสาวแพทองธารร่วมตักอาหาร เพื่อนำไปแจกจ่ายผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ด้วย รวมถึงมอบถุงยังชีพให้ประชาชน ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่มอบกระเป๋าเครื่องจักรสานจากกาบกล้วยให้ นางสาว แพทองธาร จากนั้น นางสาวแพทองธาร ได้กล่าวทักทายและถ่ายรูปกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง บางคนบอกว่า น้ำท่วมไม่กลัว  กลัวไม่ได้เห็นนายกฯ คนสวย บางคนบอกว่า ปั่นจักรยานมาเป็น 10 กิโล เพื่อจะมาเจอนายกฯ และอธิษฐานไว้แล้วว่า ลูกสาวของนายทักษิณ จะต้องได้เป็นนายกฯ โดยการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ นางสาวแพทองธารใช้รถตู้เบนซ์หมายเลขทะเบียน ฮธ 1111 กรุงเทพมหานคร ในการปฎิบัติภารกิจที่จังหวัดสุโขทัย
 
แพทองธาร ลั่นน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ
 
นางสาว แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ประสบอุทกภัยว่า สถานการณ์ขณะนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ น้ำก็เริ่มลดแล้ว แต่ตอนนี้อยากให้โฟกัสเรื่องการเยียวยาพี่น้องประชาชน ตอนนี้เขื่อนด้านบน ทั้งเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล สามารถรองรับน้ำได้เพียงพอแน่นอน ดังนั้นในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่มีปัญหา และไม่มีพายุเข้ามา ดังนั้นพื้นที่กรุงเทพฯจึงปลอดภัยแล้ว ขณะที่ภาคเหนือตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้น ตอนนี้ภาคเหนือเต็มที่ 7 วัน ทุกอย่างก็จะเริ่มเคลียคลาย หรือบางจังหวัดอาจจะแค่ 3-5 วัน
 
นางสาวแพทองธาร ยืนยันว่า สถานการณ์น้ำในปีนี้ ไม่น่ากลัวเหมือนปี 54 แน่นอน เพราะปี 54 เป็นปีที่น้ำเยอะและมีพายุเข้ามาในช่วงเดือนตุลาคม ปี 54 ถึง 5 ลูก แต่ตอนนี้คาดว่าพายุจะเข้ามาในประเทศ 2 ลูก หรืออาจจะไม่มีเลย หากมีการแถลงนโยบายต่อสภาเรียบร้อยแล้ว คงต้องมีการดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะจากการลงพื้นที่ก็เห็นว่า ประชาชนเดือดร้อนจากน้ำท่วม หากขั้นตอนการตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จเรียบร้อยจะพยายามเริ่มลุยงาน เราตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาในระยะยาว เพราะไม่อยากให้เสียงบประมาณบ่อย ๆ
 
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง