ข่าวเย็นประเด็นร้อน - สาวนักธุรกิจหุ้นกับคนรู้จักทำร้านอาหาร ต่อมาคนรู้จักได้ขายหุ้นให้คุณปู่อายุ 80 จากนั้นไม่นานสาวนักธุรกิจ ได้ถูกภรรยาของคุณปู่ฟ้องฐานเป็นชู้กับสามีเขา เธอสู้คดีมา 7 ปี ระหว่างสู้คดีสามีเธอต้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้เหม่อลอยถูกไฟดูดเสียชีวิต จนล่าสุดศาลได้ตัดสินว่าเธอบริสุทธิ์ และศาลได้สั่งจำคุกผู้กล่าวหาเธอ 2 ปีฐานแจ้งความเท็จ แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา เธอคิดว่าเรื่องจะจบเพียงแค่นี้ แต่แล้วเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ฝ่ายภรรยาของคุณปู่ได้ให้ตำรวจบุกมา ที่บ้านตนเอง มาคุกคามตนเอง โดยอ้างว่าทะเบียนรถตนเองไปขับชนแล้วหนี แต่ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เป็นการมาตรวจสอบที่บ้านตนว่าคุณปู่ได้อยู่บ้านหรือเปล่า เธอรู้สึกตกใจมาก บ้านหลังนี้เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ไม่กี่เดือน ตำรวจกับภรรยาของคุณปู่รู้ได้อย่างไร
จริง ๆ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอุบัติเหตุรถชนแล้วหนีเลย ตำรวจแต่งเรื่องขึ้นมาเองเพื่อจะตรวจสอบเจ้าของบ้านว่าคบชู้กับคุณปู่ที่เคยทำธุรกิจร่วมกันหรือเปล่า
นางสาวพรพิมล ปั้นวิลัย อายุ 37 ปี ผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ขอช่วยดูแลความปลอดภัย เพราะเกรงว่าจะถูกคู่กรณีสั่งคนมาทำร้าย เธอต้องอยู่อย่างหวาดระแวง
นางสาวพรพิมล เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2560 ตนได้ลงทุนเปิดร้านอาหารร่วมกับเพื่อนคนหนึ่ง ก่อนที่เพื่อนคนนั้นจะขายหุ้นไปยังคุณปู่ของเพื่อนอายุประมาณ 80 ปี เป็นผู้ถือหุ้นแทน จากนั้นก็มีย่าคนหนึ่งอายุประมาณ 64 ปี ซึ่งเป็นอดีตภรรยาปู่ที่มีการหย่าร้างไปแล้วตั้งแต่ปี 2550 มาฟ้องตน หาว่าตนกับคุณปู่ที่เป็นหุ้นส่วนแอบเป็นชู้กัน โดยฟ้องศาลเรียกเงินตน 2,500,000 และเรียกคุณปู่ 50 ล้านบาท
โดยนำหลักฐานเป็นภาพถ่ายพนักงานหญิงสาวในร้าน และหญิงอื่นอีกหนึ่งนั่งพูดคุยอยู่กับคุณปู่ภายในร้าน นำมาแถลงต่อศาลฯ ก่อนที่ศาลฯ จะยกฟ้อง เนื่องจากบุคคลในรูปไม่ใช่ตนเอง พร้อมกับมีคำสั่งให้คุณย่าหยุดกล่าวหาตนเองว่าเป็นเมียน้อย แต่คุณย่าก็ยังไม่หยุด ตนทำให้ตนเองต้องฟ้องร้องกลับ ในข้อหาเบิกความเท็จ จนเมื่อปี 2566 ศาลมีคำสั่งจำคุกคุณย่า 2 ปี ซึ่งโทษอยู่ระหว่างรอลงอาญา โดยตลอดระยะเวลา 7 ปี คุณย่าได้ฟ้องชู้ตนเองมาตลอด ทำให้สามีเสียชีวิตเนื่องจากมีอาการภาวะเครียด ป่วยเป็นซึมเศร้าทำให้เหม่อลอยถูกไฟดูดเสียชีวิต นอกจากนี้ยังทำให้แม่ของสามีเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นคนหลอกลวง สิ่งที่ตนเสียใจคือตนได้ใบบริสุทธิ์ในการชนะคดี แต่ตนไม่สามารถให้สามีดูได้ เพราะสามีเสียชีวิตไปแล้ว ตนทำได้เพียงแค่ให้แม่สามีรับรู้ว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องนี้ตนคิดว่าเรื่องจะจบลงแค่เท่านี้ เพราะคนที่กล่าวหาเธอถูกลงโทษแล้ว
แต่เรื่องราวกลับยังไม่จบ ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีตำรวจยศ ร้อยตำรวจเอก สังกัด สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมตำรวจสังกัดสภพระสมุทรเจดีย์อีก 2 นาย เข้ามาหาต้นที่บ้านพร้อมกับอ้างว่าตนเองได้ไปขับรถเฉี่ยวชนผู้เสียหาย แต่ก็ไม่สามารถแสดงหลักฐานหรือชี้แจงข้อเท็จจริงอะไรได้ ก่อนจะถอนกำลังกลับไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เพื่อนบ้านวิพากษ์วิจารณ์ตนเองในทางลบ ตนจึงทำการสืบด้วยตัวเองจนรู้ว่า ตำรวจที่มาบ้านตนเป็นใครมาเพราะสาเหตุใด ตนได้ทำหนังสือถามไปยังต้นสังกัดตำรวจที่มาบ้านตน และได้เดินทางไปสอบถามจนได้ความมาว่า คุณย่าคู่กรณีคนได้ไปลงบันทึกประจำวันกับ ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ โดยอ้างว่า ตนเองเป็นเมียน้อยและคุณปู่ได้หนีมาอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไปซุ่มดู พอเห็นรถตนมาที่บ้านจึงเข้าไปสอบถาม โดยอ้างว่ารถตนไปก่อเหตุชนแล้วหนี
ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้ตนเองมองว่า เป็นการคุกคาม เนื่องจากตนเองพึ่งย้ายบ้านมาอยู่ที่ใหม่ได้ไม่กี่เดือน แต่ตำรวจและคู่กรณีสามารถรู้ที่อยู่ตนได้ไง อีกทั้งยังรู้ข้อมูลส่วนตัวตนเอง หากครั้งต่อไปส่งคนมาเอาชีวิตตนตนจะทำยังไง เพราะดูแล้วคุณย่าคู่กรณีก็สามารถทำได้ทุกอย่าง ขนาดศาลตัดสินมาแบบนี้แล้วยังหยุดพฤติกรรมคุกคามอีก ตนจึงรู้สึกไม่มีความปลอดภัยในการใช้ชีวิต
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า ตนจะประสานไปยัง สภ.รัตนาธิเบศร์ ว่าตำรวจนายดังกล่าว ได้รับมอบหมายไปด้วยเหตุอะไร และมีหน้าที่หรือไม่ ส่วนคุณย่าก็ขอให้จบได้แล้ว เพราะคุณย่าไม่มีสิทธิ์ไปฟ้องร้อง เนื่องจากไม่ได้เป็นสามีภรรยากับคุณปู่แล้ว และผู้เสียหายก็ต่อสู้คดีความจนสามีเสียชีวิต
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม