เมื่อชีวิตต้องไปต่อแต่เกิดอาการหมดไฟ หมดแพชชั่นในการใช้ชีวิต รับมือยังไงดี

เคยเป็นกันบ้างไหม ? รู้สึกหมดแรง หมดความสนใจ จากที่เคยชอบเคยหลงไหลก็กลับกลายเป็นไม่ชอบ เบื่อหน่ายกับชีวิต อาการหมดแพชชั่นอันตรายไม่แพ้โรคทางจิตเวชอื่น ๆ จนอาจทำให้เมื่อรู้ตัว อีกทีอาจกลายเป็นภาวะ Burnout Syndrome

คนส่วนใหญ่อยาก “มีไฟ” แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาของคำว่ามีไฟเป็นอย่างไร เมื่อเรามัวแต่วิ่งหาโดยที่ไม่รู้เส้นชัย อาจทำให้เราเหนื่อยเปล่า เพราะทำให้เรายังไม่ถึงเส้นชัยนั้นสักที

จะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังอยู่ในสภาวะของการหมดไฟ

1. ด้านจิตใจ รู้สึกหดหู่ ซึมเศร้า หมดแรง เครียดสะสม วิตกกังวล ไม่มั่นใจ เครียด

2. ด้านปฏิสัมพันธ์ รู้สึกอยากปลีกตัวอยากจากสังคม ไม่อยากพูดคุย

3. ด้านคุณค่า รู้สึกไม่มีคุณค่าในตัวเอง เช่น “ฉันเก่งพอไหม” “ฉันคู่ควรกับงานนี้ไหม”

หากอยู่ในสภาวะหมดไฟลองตอบคำถามเหล่านี้ เพื่อให้เวลากับตัวเองได้ทบทวนเป้าหมายในการใช้ชีวิต

1.นิยามของคำว่ามีไฟ คืออะไร ?

2.การมีไฟ สำคัญอย่างไรกับชีวิตเรา

3. อะไรคือสิ่งที่ขวางเรา แล้วทำให้เรารู้สึกหมดไฟ ?

4. เรามีเป้าหมายที่จะลงมือทำอะไรบ้าง ?

การที่เราตั้งคำถามเหล่านี้ และลองตอบคำถามกับตัวเองทำให้เราสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้นว่าเราต้องการทำอะไร อยากได้อะไร สิ่งไหนที่ขัดขวางเราอยู่ การตอบคำถามเหล่านี้ได้ทำให้เรารู้ได้ว่า ในแต่ละวัน “เราจะลืมตาขึ้นมาเพื่ออะไร”

ถ้าเรามีแพชชั่นจะหมายความว่าเราพร้อมจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือไม่ ถ้าเราบอกกับตัวเองว่าแพชชั่นมันคือความกล้าหาญที่จะออกไปทำตามเป้าหมายของตัวเอง อย่าลืมว่าเรายังมีอีกหลายอย่างที่นอกเหนือจากคำว่าแพชชั่น เช่น หน้าที่ ความรับผิดชอบ เป้าหมาย

การรับมือกับภาวะเหล่านี้

สิ่งสำคัญ คือ การเห็นคุณค่าในตัวเอง ใส่ใจในตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ และปรับเปลี่ยนโฟกัสจากที่สะท้อนสิ่งไม่ดีให้มีพลังให้มากขึ้น ความคิดมีผลกับเราเสมอ สิ่งที่สำคัญคือ อย่าลืมการผ่อนคลายให้ร่างกายทั้งภายในและภายนอกได้พักผ่อน

แพชชั่นเปรียบเสมือนการพายเรือ ถ้าเราพายเรือจนเหนื่อย อย่าลืมว่าเราสามารถหยุดพายได้ อย่าฝืนที่จะพายต่อด้วยความทรมานที่มันสะสมจนทำให้อยากล่มเรือ “พายได้พาย พักได้พัก เดี๋ยวลมมันก็มาเอง”

อ้างอิง

https://www.bedee.com/articles/mental-health/run-out-of-passion

https://youtu.be/lZ4Xr5Zy5C8?si=-ZuRXzl25VPylQJk