ทำความรู้จัก “เคร็ก โคกลีย์” ยอดฝีมือจากไอร์แลนด์ ผู้เป็นบททดสอบด่านต่อไปของ “แรมโบ้เล็ก ฉ.อจลบุญ” มวยซ้ายหมัดคม จากชัยภูมิ โดยทั้งคู่จะสู้กันภายใต้กติกามวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ในศึก ONE Fight Night 24 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในช่วงไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับช่วงเช้าเวลา 07:00 น. ของวันเสาร์ที่ 3 ส.ค.นี้
ก่อนที่ "เคร็ก โคกลีย์" จะหวนกลับมาขึ้นสังเวียนระดับโลกเป็นครั้งที่สอง เราขอพามาสำรวจการเดินทางในชีวิตของนักสู้ดีกรีแชมป์จากเวทีค้นหาดาวรุ่ง Road To ONE สหราชอาณาจักร รายนี้ ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้า จนสามารถบรรลุความฝันในการเป็นนักมวยไทยอาชีพบนเวทีการแข่งขันระดับโลกได้สำเร็จ
"เคร็ก" เติบโตในย่านนอร์ธไซด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ยากจนของกรุงดับลิน เมืองหลวงของประเทศไอร์แลนด์ แม้ต้องเผชิญความยากลำบากและสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมตั้งแต่เด็ก รวมถึงการขาดพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่เขากลับไม่เคยหลงผิด โดยมีพี่ชายเป็นแบบอย่างสำคัญที่คอยชี้แนะและป้องกันไม่ให้เขาพลั้งพลาดไปกระทำสิ่งผิดกฎหมาย
"เคร็ก" เป็นบุตรคนกลางในครอบครัวที่มีพี่น้อง 3 คน โดยมีพี่ชาย "ลี" เป็นอดีตนักสู้ และน้องชาย "เซนัน" ที่กำลังแข่งขันการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต "ลี" ได้มีบทบาทสำคัญในการชี้แนะทางให้ "เคร็ก" หันมามุ่งมั่นฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างจริงจัง
เมื่อ "เคร็ก" ในวัย 18 ปี ค้นพบว่ามวยไทยคือความหลงใหลอันดับหนึ่งของเขา เขาจึงตัดสินใจทุ่มเทให้กับศิลปะการต่อสู้แขนงนี้อย่างเต็มที่ ถึงขั้นยอมสละทั้งการฝึกฝน MMA และโอกาสทางการศึกษาในมหาวิทยาลัย เพื่อหันมาทุ่มเทไล่ตามความฝันสู่การเป็นนักมวยไทยมืออาชีพอย่างเต็มตัว
ในช่วงเริ่มต้นของการเป็นนักมวยไทยอาชีพของ "เคร็ก" ไม่ราบรื่นเท่าที่ควร เนื่องจากวงการมวยไทยในไอร์แลนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่เขายังคงมุ่งมั่นตั้งใจจนประสบความสำเร็จจากการเป็นผู้ชนะรายการ Road To ONE สหราชอาณาจักร เมื่อเดือนเม.ย.66 ช่วยเปิดประตูบานสำคัญสู่การเปิดตัวในศึกใหญ่ส่งท้ายปี 2566 อย่างศึก ONE ลุมพินี 46 และแม้จะพ่ายแพ้ในการประเดิมสังเวียนต่อ “เสือแบล็ค ท.พราน49” แต่ “เคร็ก” ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง และพร้อมพิสูจน์ฝีมือด้วยการโค่น "แรมโบ้เล็ก" ในวันเสาร์ที่ 3 ส.ค.นี้
“ผมคิดว่าผมคือหนึ่งในนักชกที่เก่งที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เพียงแต่ไฟต์ล่าสุดผมยังไม่มีโอกาสได้แสดงทักษะออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุดเท่านั้น มันเป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่สุดสำหรับผม ผมคงจะทำใจได้ง่ายกว่านี้ ถ้าหากแพ้ไปโดยที่ได้แสดงทักษะบางอย่างออกมาแล้ว ไฟต์นี้จึงเป็นไฟต์ที่ผมจะกอบกู้ศรัทธาของทุกคนคืนมาให้ได้”
+ อ่านเพิ่มเติม