ข่าวเย็นประเด็นร้อน - โซเชียลเสียงแตกเห็นใจหรือไม่ อ้างขโมยลูกชิ้นด้วยความจน เพื่อไปประทังชีวิตครอบครัว จนเกิดกระแสดรามา ล่าสุด เจ้าของร้านลูกชิ้นต้องออกมาเปิดใจ หลังทัวร์ไปรุมถล่ม ทั้งที่เป็นผู้เสียหาย
คดีนี้เราขอย้อนกลับไปเมื่อกลางดึกวันที่ 24 พฤษภาคม วงจรปิดบันทึกภาพ นายบุญเที่ยง หรือ นายธง อายุ 50 ปี ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง มาจอดหน้าร้านลูกชิ้นในเมืองบุรีรัมย์ ก่อนหยิบถุงลูกชิ้นไป 1 ถุง ราคา 300 บาท ต่อมาถูกจับกุมและรับสารภาพ เหตุที่ขโมย เพราะเห็นลูกชิ้นวางอยู่หน้าร้านไม่มีใครเฝ้า และร้านปิดแล้ว ลูกชิ้นที่ได้ เอาไปทอดเป็นกับข้าวให้ลูกกิน ส่วนหนึ่งเอาไปฝากพ่อกับแม่ชราป่วยติดเตียง
ต่อมาโซเชียลเสียงแตกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเห็นใจผู้ต้องหา และหันไปตำหนิเจ้าของร้านจำหน่ายลูกชิ้น ส่วนอีกฝ่ายบอกว่า ร้านค้าเขาอาจจะเคยประสบมาก่อน จึงติดกล้องวงจรปิด ประกอบกับบ้านเมืองมีกฎหมาย ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน มิเช่นนั้นอาจเป็นเยี่ยงอย่าง หรือหันมาก่อเหตุอีก ทั้งที่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
หลังจากนั้น ตำรวจได้นำข้าวสารอาหารแห้งไปมอบให้ครอบครัว นายบุญเที่ยง ที่อำเภอลำปลายมาศ เพื่อให้กำลังใจ โดยตำรวจยอมรับว่า กรณีดังกล่าวเห็นใจผู้ต้องหา หลังทราบว่าฐานะยากจน ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ และต้องแบกรับภาระหลายชีวิต แต่ในทางคดีเป็นเรื่องของกฎหมาย เบื้องต้นมีการแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ อัตราโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน เป็นความอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้ ถึงแม้ต่อมาเจ้าของร้านลูกชิ้นจะมาขอถอนแจ้งความก็ตาม ส่วนผลของคดีขึ้นอยู่กับศาล ซึ่งเป็นผู้พิจารณา
ล่าสุด นายวุฒิกาญจน์ กุลสุวรรณ ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า ตอนนี้ได้รับมอบหมายจากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เข้ามาช่วยเหลือด้านคดี และการประกันตัวผู้ต้องหา จากการตรวจสอบข้อมูลแล้ว ครั้งที่ถูกจับกุม ศาลอนุญาติให้ประกันตัวได้ โดยการให้ญาติหรือผู้ใหญ่บ้านมาทำสัญญาต่อศาล โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ แต่ไม่มีญาติมาติดต่อ จึงทำให้ต้องฝากขังมา จนครบ 4 ครั้ง จำนวน 48 วัน คาดว่า น่าจะได้รับการปล่อยตัวในเย็นวันนี้ (12 ก.ค. )
ด้านนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า หากทำด้วยความยากจนแสนเข็ญ ไม่เคยมีประวัติอาชญากรมาก่อน อาจเข้าข่ายเป็นคดีที่ฟ้องไปไม่เป็นประโยขน์ ซ้ำผู้ต้องหาถูกขังมานานพอแล้ว จึงสั่งไม่ฟ้องก็เป็นไปได้ และเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดเท่านั้น ที่จะสั่งคดีนี้ตาม พ.ร.บ.อัยการมาตรา 21 ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้หลายช่องทาง
ขณะที่นายสมหมาย ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโนนแดง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ นายบุญเที่ยง มีภรรยา แต่ไม่มีลูก ต่อมาภรรยาเสียชีวิต และไปได้ภรรยาใหม่ หากถามว่าพฤติกรรมเป็นอย่างไร ขอใช้คำว่ากลาง ๆ มักจะไปแอบตัดไม้ในที่สาธารณะมาเผาถ่านขายหลายครั้ง เคยเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นประจำ และไปตักเตือน จนเลิกพฤติกรรมดังกล่าวไป
ด้าน นางสาวณิชชาวีณ์ เจ้าของร้านลูกชิ้น ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เปิดใจว่า หลังเป็นข่าว ทางร้านถูกชาวเน็ตโจมตีอย่างหนัก ต่อว่าต่าง ๆ นา ๆ ว่าลูกชิ้นแค่ 300 บาท ทำไมต้องเอาเขาติดคุก ทำให้กระทบต่อการค้าขาย และสภาพจิตใจของคนในครอบครัวอย่างมาก
เหตุการณ์ในวันนั้น ทางร้านได้นำลูกชิ้นที่ลูกค้าสั่งซื้อไว้ 2 ถุง วางบนโต๊ะหน้าร้าน เพราะลูกค้าจะมารับนำไปทอดขายตอนกลางคืน แต่พอลูกค้ามารับ เหลือลูกชิ้นแค่ถุงเดียว จึงติดต่อมาทางร้าน เมื่อเปิดกล้องดู ก็พบว่าผู้ต้องหาก่อเหตุ จึงแจ้งความตำรวจ ซึ่งตอนนั้นไม่รู้เลยว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร
กระทั่งตำรวจแจ้งว่าจับกุมตัวคนที่ขโมยลูกชิ้นได้แล้ว ให้ไปชี้ตัวที่โรงพัก พร้อมบอกว่า ตอนไปจับกุมเห็นสภาพบ้านผู้ก่อเหตุยากจนมาก ตอนนั้นยังไม่ได้เจอตัวผู้ก่อเหตุ จนตำรวจนำตัวผู้ก่อเหตุมาถึงโรงพัก ก็ติดต่อให้ตนไปชี้ตัวผู้ต้องหาอีกครั้ง พอตนเห็นสภาพผู้ก่อเหตุก็รู้สึกสงสารไม่อยากเอาเรื่อง พอกลับมาถึงบ้าน ร้อยเวรฯ ก็ยังโทรศัพท์มาสอบถามว่าจะดำเนินการอย่างไร ตนก็แจ้งกับร้อยเวรฯ ไปว่าขอถอนแจ้งความ เพราะสงสารไม่อยากเอาเรื่อง ก็คิดว่าไม่มีอะไรแล้ว
แต่ต่อมาสักพักร้อยเวรฯ โทรมาแจ้งว่า ผู้บังคับบัญชา บอกว่า ถอนแจ้งความไม่ได้ เพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดิน และเกรงจะไปก่อเหตุอีก ตำรวจก็จะโดนฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ดังนั้นทางตำรวจจึงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน จนจู่ ๆ มีการนำเสนอข่าวว่าตำรวจนำสำนวนและผู้ต้องหาส่งอัยการ โดยที่ไม่มีข้อมูลของทางร้านเลย ทำให้ร้านโดนทัวร์ทั้งที่เป็นผู้เสียหาย ขอฝากถึงโซเชียลให้ฟังทุกฝ่ายก่อนคอนเมนต์ และขอให้เห็นใจทางร้านด้วย เพราะการค้าขายก็มีต้นทุน
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35