เจ้าของโรงโม่หินร้อง ! เจ้าหน้าที่แกล้ง บุกตัดกุญแจรั้ว | เบื้องหลังข่าว กับ กาย สวิตต์

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เจ้าของโรงโม่หิน​ร้องเซ็ง ถูก​หน่วยงานรัฐกลั่นแกล้ง​ ยกพวกตัดกุญแจทางเข้าโรงโม่​ อ้างชาวบ้านต้องการใช้เส้นทาง​ ทั้งที่บริษัทมีเอกสารสิทธิ์​ เชื่อถูกกลั่นแกล้ง​

 

นี่เป็นภาพเหตุการณ์ในที่ 30 พฤษภาคม 2567 ในคลิปคือนายอำเภอปากช่อง นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 50 นายเข้าตัดรั้วกั้นทางเข้าโรงโม่หิน โดยอ้างว่าโรงโม่หินรุกแ โรงโม่หินแห่งนี้ ชื่อโรงโม่หินบริษัทศิลาสากลพัฒนา อยู่ในพื้นที่ ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 

 

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบคุณธีรัชต์ หงรัตนากร กรรมการบริหารและตัวแทนผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทศิลาสากลพัฒนา เล่าให้ฟังว่า ตนและครอบครัวทำธุรกิจโรงโม่หินมานานกว่า 40 ปี ไม่เคยมีปัญหากับชาวบ้านที่อยู่ติดกับโรงโม่เลย และไม่เคยถูกร้องเรียนสักครั้งด้วย และยังเคยได้รับคำชมจากหลายหน่วยงาน เรื่องการไม่สร้างมลภาวะฝุ่นและเสียงให้กับชุมชน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 เมษยน 2567 ทางเจ้าหน้าที่อบต.หนองน้ำแดง ได้เดินทางมายังบริษัทของตน พร้อมแจ้งว่า ตอนนี้ได้แจ้งความไว้ว่าบริษัทของตนปิดประตูทางเข้า-ออกบริเวณที่อยู่ติดภูเขา ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ ใช้สัญจรไม่ได้ ชาวบ้านจึงมาร้องเรียนทางอบต. พร้อมแสดงใบแจ้งความให้ดู  และขอให้ตนเปิดทางให้ชาวบ้านผ่าน ตนจึงได้อธิบายไปว่า ประตูบริเวณนี้ตนปิดมากกว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากถนนเส้นนี้ไม่มีชาวบ้านใช้ เพราะอยู่ติดกับภูเขาช่วงฝนตกจะมีหินไหลลงมา อาจเกิดอันตรายกับผู้สัญจรได้ และอีกอย่างคือไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ แล้วจะมีชาวบ้านที่ไหนมาร้องเรียน หากชาวบ้านจะร้องเรียนควรจะร้องเรียนตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ไม่ใช่พึ่งมาร้องเอาปีนี้ เจ้าหน้าที่ อบต.จึงเดินทางกลับไป

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 นายกอบต.หนองน้ำแดงได้พานายอำเภอปากช่อง มาที่บริษัทตนเองอีกครั้ง พร้อมกล่าวหาว่าที่ดินที่ตนกั้นรั้วไว้เป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ ไม่สามารถทำรั้วปิดกั้นได้ ตนจึงนำหลักฐานโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าวมาโชว์ให้ในอำเภอดูว่า ตั้งแต่ที่ดินผืนนี้มีผู้ครอบครองมาตั้งแต่ปี 2498 ตอนนั้นยังเป็นที่ดิน ส.ค.1 ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็น น.ส.3 และน.ส.3 ก และเป็นโฉนดเมื่อปี 2550 ซึ่งในโฉนดที่ดินได้ระบุชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ติดเขา ออกโดยเจ้าหน้าที่รัฐฯอย่างถูกต้อง ทางนายอำเภอจึงรับหนังสือไปตรวจสอบ และเดินทางกลับไป

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ทางในอำเภอได้นำกำลังเจ้าหน้าที่จากสปก.และเจ้าหน้าที่ ปปท.และกำลังเจ้าหน้าที่ปกครองกว่า 50 นาย บุกรุกเข้าไปตัดกุญแจประตูรั้ว จึงขอดูหมายศาล แต่ทางนายอำเภอกลับไม่นำมาแสดงให้ดู และได้ชี้แจงว่าหากไม่รับความเป็นธรรมให้ไปฟ้องศาลได้เลย จากนั้นได้นำกำลังกลับทันที

 

ตนพยามอธิบายว่า ที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่ดินของตน สร้างเป็นถนนไว้เพื่อลำเลียงวัสดุอุปกรณ์ เข้า-ออกโรงโม่​ โดยใช้งบประมาณของบริษัทเป็นคนสร้างตั้งแต่ปี 2538 และถนนเส้นดังกล่าวก็อยู่ห่างจากถนนสายรองหลายเมตร หากเป็นถนนสาธารณะประโยชน์ทำไมถึงอยู่ห่างจากถนนสายรอง ไม่เชื่อมติดกัน แต่ทางนายอำเภอกลับไม่ยอมรับฟัง ตนเชื่อว่าเรื่องราวทั้งหมดจนน่าจะถูกกลั่นแกล้ง เพราะหากที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่สาธารณะประโยชน์จริง ควรมีการตรวจสอบตั้งนานแล้ว หรือหากจะบอกว่า ตามกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2499 ที่ให้พื้นที่ไหล่เขา กว้าง 40 เมตร เป็นทางสาธารณะ ซึ่งถ้าใช้กฎหมายนี้ที่ดินผืนนี้ของตนก็ไม่ผิดอยู่ดี เพราะตนถือครองมาตั้งแต่ปี 2438 ซึ่งก่อนที่กฏหมายจะบังคับใช้

 

ทั้งนี้หลังจากเกิดข้อพิพาทกันเกิดขึ้น ได้มีคนนำระเบิดมาวางไว้ที่ป้อมยามของบริษัท แต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร ยืนยันบริษัทไม่เคยมีปัญหากับใคร จากปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบกับบริษัทเป็นอย่างมาก เพราะพนักงานไม่สามารถเข้าไปทำงานได้

​

ตอนนี้ตนได้ไปร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ 4 หน่วยงานที่เข้ามาบุกรุกที่ตน ประกอบไปด้วย นายอำเภอปากช่อง, นายกอบต.หนองน้ำแดง, เจ้าหน้าที่ ปปท, เจ้าหน้าที่ สกป.

 

ทางด้านคุณทวี ทวีสุขเสถียร คณะกรรมการ บริษัทศิลาสากลพัฒนา (คนใส่เสื้อเหลือง) กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องพิพาท ตนได้นำที่ดินผืนที่เกิดข้อพิพาท ไปยื่นต่อกรมที่ดิน เพื่อให้ออกโฉนดให้ใหม่ เพื่อให้ระบุตำแหน่งให้ชัดเจน เพราะอาจจะเกิดข้อผิดพลาดการออกโฉนด ที่ไม่ระบุตำแหน่งให้ชัดเจน อาจทำให้บริษัทอาจเสียพื้นที่ไปส่วนหนึ่งไป แต่ทางกรมที่ดินไม่ยินยอมที่จะออกโฉนดใหม่ให้ แต่ได้ส่งเรื่องไปยังที่ดินจังหวัด ให้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

 

ต่อมาผู้ข่าวได้เดินทางไปสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กับโรงโม่หิน เพื่อจะสอบถามผลกระทบจากการปิดเส้นทางส่วนหนึ่งในโรงโม่หิน ปรากฏว่าไม่มีบ้านเรือนประชาชนอาศัยอยู่ใกล้กับโรงโม่หิน แต่พอทีมข่าวเราขับรถออกห่างจากโรงโม่หินไปประมาณ 5 กิโลเมตร พบมีชุมชนและวัดถ้ำไก่แก้วตั้งอยู่ เราได้ไปพูดคุยกับลุงสมาน ทองดี อายุ 77 ปี เจ้าของร้านสะดวกซื้อ ได้ข้อมูลว่า ไม่น่าจะมีชาวบ้านไปร้องเรียนเรื่องการปิดถนนนะ เพราะปกติไม่เคยมีชาวบ้านใช้เส้นทางในโรงโม่หินอยู่แล้ว และก็ไม่เคยเห็นชาวบ้านใช้เส้นทางดังกล่าว  เพราะชาวบ้านก็มีถนนเส้นหลักอยู่แล้ว แต่ถ้าหากจะสร้างผลกระทบก็น่าจะมีแต่พวกเข้าไปเก็บหน่อไม้หรือเก็บผักในบริเวณนั้นที่ได้รับผลกระทบ