ส่อพลิก ? หนุ่มอยู่บ้าน ถูกซ้อมยับ ตื่นอีกทีโผล่ “ห้องขัง” ถูกแจ้ง “บุกรุก” บ้านตัวเอง

10,134 ครั้ง

17 มิ.ย. 2567

แชร์ข่าวไปที่

เจ้าของบ้านสุดงง ? นอนอยู่ในบ้าน อยู่ดี ๆ ถูกแฟนใหม่พร้อมพวกของอดีตแฟนเก่า รุมกระทืบจนสลบ ตื่นอีกทีโผล่ห้องขัง ซ้ำหนัก ! โดนแจ้งข้อหาบุกรุกบ้านตัวเอง

วันที่ 17 มิ.ย. 67 คุณธีรวัช พลายระหาร (เบิร์ด) แฟนเก่าที่เป็นผู้บาดเจ็บ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า คืนเกิดเหตุตนดื่มสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศ เพื่อนเมาจึงขึ้นห้องไปนอนก่อนจะล็อกห้องทำให้ตนเข้าห้องไม่ได้ ตนจึงกลับไปนอนบ้าน โดยปกติตนจะนอนที่ออฟฟิศ บ้านหลังที่ตนกลับไปนอน เป็นบ้านที่ตนให้อดีตภรรยาอาศัยอยู่ โดยตนได้โทรไปแจ้งทางอดีตภรรยาก่อนแล้ว ว่าจะกลับไปนอนบ้าน

ถกไม่เถียง : ส่อพลิก ? หนุ่มอยู่บ้าน ถูกซ้อมยับ

ตนกลับถึงบ้านก่อนภรรยา จึงนอนนอกห้อง สักพักคุณเบสท์กลับมาบ้านด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนจะถามว่า คนที่แคมป์ก่อสร้างไม่เอาตนแล้วเหรอถึงได้กลับมานอนที่บ้าน จากนั้นก็มีปะทะคารมกันภายในบ้าน ก่อนตนจะโดนคุณเบสท์ต่อย ตนสู้ไม่ได้จนไปนอนกองอยู่ที่พื้น ขณะนั้นไม่รู้เพื่อนคุณเบสท์หรือใคร ได้เข้ามารุมตนอีก 2 คน จนตนสลบ รู้ตัวอีกทีตนอยู่ที่ห้องขัง โดยตำรวจแจ้งว่าตนไปบุกรุกบ้านและโดนข้อหาทะเลาะวิวาท ตนพยายามอธิบายแต่ตำรวจไม่ฟัง ตนจำได้ว่าตนทะเลาะกันแต่ไม่ได้ข่มขืนคุณมายด์ ตนรับรู้มาตลอดว่ามายด์และเบสท์เป็นแฟนกัน แต่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะอยู่ร่วมกันในบ้านสามคน และตนไม่ได้อยากกลับไปหาคุณมายด์

ด้าน นิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เล่าว่า คุณเบิร์ดมาเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า มีปากเสียงกับอดีตแฟน ตนจึงประสานไปที่ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรธัญบุรี ท่านพันตํารวจเอก จิรวัฒน์ ให้ช่วยตรวจสอบคดีนี้ให้ตนหน่อย ว่ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ด้านทางแฟนใหม่ของคุณมายด์ก็โทรเข้ามา ว่า ตนก็ถูกกระทำเช่นกัน ก่อนหน้าที่ทั้งสองจะมาเป็นแฟนของมายด์ทั้งสองคนเคยเป็นเพื่อนกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไป ในเรื่องคดีให้ว่ากันในส่วนของคดี โดยอาจจะต้องจบแบบเจ็บ ถึงจบแล้วเจ็บ ๆ ก็ต้องยอม

มายด์ อดีตแฟน เล่าว่า ก่อนที่ตนจะหย่าบ้านหลังนี้เป็นสิทธิ์ร่วมกัน พอหย่าตนก็ยกบ้านให้คุณเบิร์ด เพราะตกลงกันแล้วว่าทางคุณเบิร์ดจะเป็นคนดูแลบ้านและผ่อนบ้านเอง ในส่วนของตน ตนเอารถมา 1 คัน เป็นการแบ่งทรัพย์สินกัน โดยในวันเกิดเหตุ ตนออกไปทำงานก่อนจะเลิกงานและกลับมาบ้าน ด้านคุณเบิร์ดโทรหาตนและพูด ว่า เบิร์ดมาอาบน้ำรอแล้วนะ ทาแป้งหอม ๆ รออยู่ในห้อง ตนจึงหันไปไปคุยกับเบสท์ ว่า เบสท์มันต้องมีอะไรแล้ว ตนเลยกลับไปดูที่บ้านรอบหนึ่ง เจอคุณเบิร์ดนอนอยู่ในห้องบนเตียงของตน ตนปลุกเบิร์ดก่อนถาม ว่า เป็นอะไร เพราะเบิร์ดเวลาเมาชอบพาลทะเลาะกับคนอื่น

หลังจากนั้น ตนออกจากบ้านไปที่ออฟฟิศเบิร์ด เจอพี่ร่วมงานตั้งวงดื่มเหล้ากันอยู่ ตนจึงถามพี่ร่วมงานเบิร์ด ว่า พี่คะมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าทำไมเบิร์ดกลับมานอนที่บ้านเพราะปกติเบิร์ดจะไม่กลับบ้าน เพราะเคยตกลงกันแล้ว เพราะเบิร์ดเคยโดนคดีลักทรัพย์ยามวิกาลและขาดจ่ายค่าบ้าน ธนาคารโทรถามตน เพราะมันเป็นชื่อร่วมตนถึงรู้ว่าเบิร์ดอยู่ในเรือนจำ ก่อนจะคุยกันได้ข้อสรุปว่าเบิร์ดให้ตนเข้าไปอยู่บ้านหลังนี้ก่อน เพื่อให้ส่งค่าบ้านให้ พอเบิร์ดออกมาจากเรือนจำจะได้ยังมีบ้านอาศัย พอเบิร์ดออกมาก็ยังใช้ชีวิตกันสามคนในบ้านหลังนี้ประมาณ 3 วัน ก่อนตนจะถามเบิร์ดว่าจะเอายังไงต่อเรื่องบ้าน

วันเกิดเหตุหลังจากไปถามพี่ร่วมงานเบิร์ดตนก็กลับไปบ้านอีกรอบ กลับไปปูที่นอนให้เบิร์ดนอนหน้าห้อง เบสท์เป็นคนอุ้มเบิร์ดออกไปนอนหน้าห้อง สักพักเบิร์ดปาข้าวของ ตนจึงออกไปดูก่อนเบิร์ดจะพยายามขึ้นคร่อมตน ตนจึงตะโกนเรียกเบสท์ให้ช่วย หลังจากนั้นเบสท์และเบิร์ดก็ทะเลาะกันจนประตูรั้วล้มทับ ตนจึงโทรแจ้งสายตรวจ พวกที่มากระทืบมันเป็นช่วงชุลมุนตนไม่ทราบว่าพวกเขาเป็นใคร ตนยืนยันว่าไม่ได้แจ้งความเบิร์ดข้อหาบุกรุก ตนโทรแจ้งโดยให้เหตุผลว่าทะเลาะวิวาทกันภายในบ้าน และแจ้งข้อหาข่มขืน หลังจากหย่ากันแล้วตนไม่เคยติดต่อเบิร์ดอีก ยืนยันว่าไม่มีการคุยซ้อนหรือคุยเชิงชู้สาวแน่นอน

เบสท์ แฟนใหม่ที่เป็นผู้ก่อเหตุ ที่ตนเห็นคือเบิร์ดกำลังพยายามคร่อมเหมือนจะหอมแก้มมายด์ ตนจึงล็อกคอเบิร์ดออกมา ก่อนเบิร์ดจะลุกขึ้นละพยายามจะต่อยตน ตนไม่ได้ต่อยเบิร์ด ตนพยายามจับกดให้หยุด ก่อนจะมีคนบอกเข้ามาซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร โดยตนเป็นพยานตอนเขาสองคนหย่ากัน พอหย่ากันแล้วตนกับมายด์ไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน แยกกันอยู่เดือนกว่าถึงก่อนย้ายมาอยู่ด้วยกัน

รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ความเห็นด้านกฎหมายว่า ตนไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เล่ามาเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด แต่ทางฝ่ายคุณมายด์กล่าวอ้าง ว่า โดนพยายามข่มขืน เหตุผลที่กล่าวอ้างเป็นเหตุผลทางกฎหมายที่สามารถป้องกันตัวเอง หรือป้องกันอันตรายจากคนอื่นได้ ตำรวจก็ต้องดำเนินคดีไปตามที่คำกล่าวอ้างและไปพิสูจน์กันในศาลว่าศาลจะเชื่อหรือไม่เชื่อ โดยคดีทำร้ายร่างกายไม่สามารถยอมความได้ แต่ค่าเสียหายคดีแพ่งสามารถตกลงกันได้ อาญาก็ต้องว่าตามหลักฐาน

ฝ่ายไหนต้องการเรียกร้องค่าเสียหายก็ให้ไปดำเนินการ ฟ้องกันไปฟ้องกันมาถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ผิดแล้วถูกดำเนินคดีกลับมันจะไม่คุ้ม ถ้าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ให้ลองคุยกันเผื่อเรื่องจะคลี่คลายง่ายขึ้น ถ้าอยากให้เรื่องจบในส่วนคดีแพ่งต้องไม่ติดใจเอาความกัน แต่ทางคุณเบสท์ต้องชดใช้เพราะไปทำร้ายร่างกายคุณเบิร์ด จึงต้องจ่ายเงินเยียวยา ส่วนคุณมายด์ถ้าไม่ติดใจเอาความก็สามารถยอมความได้ โดยข้อหาอนาจารยังสามารถถอนแจ้งความได้

ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35