ข่าวเย็นประเด็นร้อน - จากกรณีเมื่อเย็นวานนี้ บั้งไฟแสนพุ่งใส่ฝูงชน จากนั้นได้ระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
น่าหวาดเสียวเลยทีเดียว จากการสังเกตจะเห็นว่าบั้งไฟมีการระเบิดจากทางด้านท้ายมาก่อน ทำให้ทางด้านหัวของบั้งไฟหันเปลี่ยนทิศทางแทนที่จะขึ้นไปบนฟ้า หลับพุงลงพื้นดินไปถูกชาวบ้านที่ยืนดูอยู่บริเวณนั้นจากนั้นได้เกิดระเบิดขึ้น
เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นบริเวณลานหลังวัดพระธาตุอุปมุง บ้านสร้างบุ ตำบลโพธิ์ศรีสว่าง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ในงานประจำปีบุญบั้งไฟตำบลโพธิ์ศรีสว่าง ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้น 2 วัน วันแรกจะเป็นการแห่บั้งไฟ ส่วนวันที่ 2 จะเป็นการจุดบั้งไฟ ทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 38 ราย เพศชาย 34 ราย เพศหญิง 4 ราย อายุน้อยกว่า 15 ปี 3 ราย อายุ 15 -60 ปี 29 ราย อายุมากกว่า 60 ปี 6 ราย มีแผลฉีกขาดและรอยไหม้ตามตัว โดยคัดแยกตามอาการบาดเจ็บ เป็นผู้ป่วยสีแดง 4 ราย ผู้ป่วยสีชมพู 5 ราย ผู้ป่วยสีเหลือง 9 ราย ผู้ป่วยสีเขียว 20 ราย
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้านี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังฐานจุดบั้งไฟ ภายในวัดพระธาตุอุปมุง บ.โพธิ์ศรี หมู่ 3 ตำบลโพธิ์ศรีสว่าง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ที่เกิดเหตุยังพบเศษของบั้งไฟแสนแตกกระจัดกระจาย และพบคราบสะเก็ดของบั้งไฟตกใกล้กับฐานบั้งไฟ พบถุงมือ สำลี ที่ใช้ปฐมพยาบาลกระจัดกระจายเต็มบริเวณงาน ตรวจสอบฐานบั้งไฟมีความมั่นคงแข็งแรง ค้ำยันด้วยเสาปูนคอนกรีต ฐานเฉียง 90 องศาตามมาตรฐาน พบหางบั้งไฟแสนที่ระเบิดติดอยู่บนฐานบั้งไฟ
สอบถาม นายบุญวาด ยอดภักดี อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้านโพธิ์ศรี หมู่ 3 เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้เป็นการจุดบั้งไฟแสนของกลุ่มคนเหนือดวง โดยเป็นบั้งไฟแสน ท่อผ่าศูนย์กลางขนาด 5 นิ้ว ซึ่งตนได้ประกาศให้ชาวบ้านและเซียนบั้งไฟที่มาชมถอยออกในระยะปลอดภัย ซึ่งมีเส้นกั้นไว้ประมาณ 100 เมตร แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วนที่ฝาเส้นกั้นเข้าไปโดยไม่ฟังคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ ในระหว่างที่จุดบั้งไฟขณะที่บั้งไฟทำการเผาไหม้ไป ได้บางส่วน ก็เกิดการระเบิดทำให้ส่วนหัวของบั้งไฟหลุดออกจากหางที่ติดอยู่กับฐานบั้งไฟ แล้วพุ่งไปแบบไม่มีทิศทางจน ชนกับชาวบ้านที่มาร่วมงานจนได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนี้ตนก็ประสานไปยังบริษัทประกันภัยให้เข้ามาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อเยียวยาตามข้อตกลงของการเอาประกันภัย ซึ่งมีวงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,000,000 บาท ซึ่งจะอยู่ระหว่างพิจารณาของบริษัทประกันภัยเพื่อชดใช้เยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บทั้งหมด ซึ่งหากยังไม่เพียงพอตนคงจะประชุมกับชาวบ้านเพื่อหาแนวทางเยียวยาเพิ่มเติม
ทีนี้ลองไปฟังความรู้ เรื่องความปลอดภัยเวลาไปดูงานจุดบั้งไฟว่าควรทำอย่างไร กับรองศาสตราจารย์ ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์อ๊อด ให้ข้อมูลมาแบบนี้ งานบุญบั้งไฟเป็นประเพณีที่สวยงาม ของชาวอีสานที่ใช้ในการเรียกฝน แต่ก็ต้องมาพร้อมกับอันตราย เพราะสารที่ใช้ประกอบเป็นสารไวไฟ ก็คือตัวดินปืน โดยสารที่ใช้ทำดินปืนจะประกอบด้วย ดินประสิว กำมะถัน ผงคาร์บอน ผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดการเผาไหม้เร็วเกินไป ไม่อย่างงั้นจะเกิดการระเบิดขึ้นได้ โดยถ้าเป็นบั้งไฟหมื่น จะใช้ดินปืน จำนวน 12 กิโลกรัม หากเป็นบั้งไฟแสน จะใช้ดินปืน 120 กิโลกรัม ดินปืนที่ใช้ทำบั้งไฟจะจัดเป็น สารไวไฟระเบิดแรงดันต่ำ ความสามารถน้อยกว่า 1,000 เมตรต่อวินาที ซึ่งจากการตรวจสอบจากคลิป พบว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้อาจผิดพลาดจากการผสมหรือการอัด เข้าไปในท่อ pvc ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการเผาไหม้เร็วเกินไป เป็นเหตุให้เกิดการระเบิดขึ้น
แต่ถ้าเหตุการณ์นี้ผู้จัดหาแนวป้องกันไม่ให้บั้งไฟแฉลบออกทางด้านข้างได้ก็จะเป็นดี เพราะบังไฟส่วนใหญ่จะล็อคไว้แค่ฐานแล้วก็จุดเลย หรือต้องกันคนดูออกให้ห่างกว่านี้
ทางด้านคดีเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวเจ้าของค่ายบั้งไฟที่ประสบเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติม หากพบว่ามีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ ก็จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอบคุณภาพจาก : Facebook Thanakorn Kalapad
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม