“ทาเกียร์ คาลิลอฟ” มวยหมัดพลิ้ว วัย 30 ปี จากรัสเซีย ขอกลับมาโชว์ฝีมือในรอบครึ่งปี เตรียมวัดใจ “นักรบ แฟร์เท็กซ์” จอมบู๊พลังเดือด วัย 25 ปี จากสุรินทร์ ที่เก็บชัยมาแล้วถึง 7 จาก 8 ไฟต์ โดยจะปะทะกันภายใต้กติกามวยไทย รุ่นฟลายเวต (125 – 135 ป.) ในฐานะคู่เอกของศึก ONE ลุมพินี 67 วันศุกร์ที่ 14 มิ.ย.นี้ ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น.
สำหรับผลงานล่าสุดของ “ทาเกียร์ คาลิลอฟ” ต้องย้อนกลับไปในศึก ONE ลุมพินี 41 เมื่อเดือน พ.ย.66 ที่ระเบิดฟอร์มเล่นงาน เอาชนะคะแนนจอมแกร่งอย่าง “ยอดเหล็กเพชร อ.อัจฉริยะ” ไปอย่างเหนือชั้น ก่อนจะห่างหายไปนานกว่าครึ่งปี กระทั่งได้โอกาสให้กลับมาโชว์ฝีมืออีกครั้งเพื่อรับมือของร้อนอย่าง “นักรบ แฟร์เท็กซ์” เจ้าของสถิติชนะ 7 จาก 8 ไฟต์บนสังเวียน ONE ลุมพินี
“ผมตอบรับการขึ้นชกในไฟต์นี้อย่างไม่ลังเล ชั่วโมงนี้ผมไม่สนแล้วว่าผมจะได้ชกกับใคร เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือผมอยากจะกลับไปขึ้นสังเวียนเต็มแก่แล้วครับ การเตรียมความพร้อมไฟต์นี้ ผมเก็บตัวฝึกซ้อมที่บ้านเกิดมา 6 เดือนเต็ม และตอนนี้ผมพร้อมมากแล้วที่จะขึ้นชกในวันศุกร์นี้”
โดย “ทาเกียร์” ที่เตรียมอาวุธมาอย่างครบครัน ขอประกาศถึงเป้าหมายในไฟต์นี้ คือการรับบทเป็นตัวร้าย ดับความฝันสู่การคว้าสัญญา ONE ของ นักรบ ให้ได้ หลังไฟต์ก่อนหน้านี้เพิ่งสกัดดาวรุ่งทุบชนะ “ยอดเหล็กเพชร” ที่อยู่ในข่ายลุ้นสัญญา ONE เช่นกัน
“นักรบ เขาชนะติดต่อกันมา 3 ไฟต์แล้ว การหยุดสถิติของเขาจึงเป็นเป้าหมายสำหรับผมในไฟต์นี้ ผมจะยังคงชกในสไตล์เดิมของผม คือการออกหมัดชุดในสไตล์คิกบ็อกซิ่ง ผมจะเล่นงานเขาทุกส่วน”
“ไฟต์นี้จะเป็นอีกครั้งที่ผมได้รับชัยชนะ ผมอยากจะปิดเกมเร็ว และคว้าโบนัสมาครอง แต่แน่นอนว่าผมก็พร้อมสำหรับการชกเกมยาวเช่นกัน ผมจะงัดอาวุธทุกอย่างออกมาใช้ ผมจะสู้ในสไตล์บู๊ดุดันและเด็ดขาดเหมือนเดิม”
นอกจากนั้น “ทาเกียร์” ยังขอมองข้ามช็อตไปที่การท้าชิงบัลลังก์มวยไทย จาก “รถถัง จิตรเมืองนนท์” คู่ปรับเก่าที่ตนเคยพ่ายแบบสูสีในกติกาคิกบ็อกซิ่ง โดยชี้ชัดว่าหากตนมีโอกาสได้เปิดศึกภาคสองกับ “รถถัง” ในกติกามวยไทย ก็มั่นใจว่าจะสามารถสร้างเซอร์ไพรส์กระชากเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต มาครองได้อย่างแน่นอน
“ผมมองเห็นตัวเองเป็นแชมป์โลก ONE มวยไทย ผมพร้อมที่จะชกกับ รถถัง และกระชากเข็มขัดของเขามาครอง ผมจะจัดการเขาได้แน่ เพราะอย่าลืมว่าไฟต์คิกบ็อกซิ่งที่ผมชกกับ รถถัง ตอนนั้น ผมขึ้นชกโดยรู้ตัวล่วงหน้าแค่หนึ่งสัปดาห์ แต่ผมก็สู้ได้ดีมากและแพ้คะแนนแบบไม่เอกฉันท์ ผมจึงเห็นภาพตัวเองเป็นเจ้าบัลลังก์มวยไทยคนใหม่ ช่วยส่ง รถถัง มาชกกับผมด้วย”
+ อ่านเพิ่มเติม