ปู่วัย 81 ปี เจอกลลวงมิจฉาชีพสุดซับซ้อนแนบเนียน หลอกโอนเงิน 11 วัน รวมมูลค่ากว่า 22 ล้านบาท แม้หลอกจนหมดตัวก็ยังไม่พอ ยังออกอุบายให้นำบ้านไปขายฝากเพื่อหาเงินมาโอนเพิ่ม
วันที่ 13 มิ.ย. 67 คุณไพรสัณต์ จันทร์สุริยวงศ์ (อ๊อด) พ่อ และคุณนีรนาท จันทร์สุริยวงศ์ (โอ๊ต) ลูกชาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 67 มีเบอร์แปลกอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แจ้งว่าเงินในบัญชีของตนอาจพัวพันเกี่ยวข้องกับการทุจริต ต่อมาให้ติดต่อไปยังตำรวจตัวปลอม ดาวโหลดแอปฯ ธนาคารเพื่อโอนเงินให้ไปตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังให้ถ่ายโฉนดนำที่ดินไปขายฝาก
สุดท้ายโอนเงินไปหลายครั้งรวมทั้งหมดกว่า 22 ล้านบาท มารู้ตัวภายหลังว่าถูกหลอกเนื่องจากไม่มีเงินโอนไปเพิ่มและไม่ได้รับเงินคืนตามที่กำหนด มิจฉาชีพพยายามเร่งรัดให้ตนโอนเงิน โดยอ้างว่าไม่อยากให้ตนเสียเวลาเดินทางไปดำเนินการที่ต่างจังหวัด มีการอำนวยความสะดวกเรื่องเอกสารให้ตลอด และย้ำว่าเรื่องทั้งหมดคือความลับทางราชการห้ามบอกใคร
ส่วนการนำบ้านไปขายฝาก เนื่องจากมิจฉาชีพอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ตนหลบหนีไปอยู่ที่อื่น สิ่งที่กังวลมากที่สุดตอนนี้คือบ้านที่ได้ขายฝากไป ตนต้องหาเงินมาจ่ายภายใน 1 ปี หากหาเงินมาจ่ายไม่ทันก็จะต้องเสียบ้านหลังนี้ไป
คุณนัท นายหน้ารับขายฝาก ชี้แจงว่า ตนเป็นเพียงนายหน้ารับเรื่องขายฝากบ้าน แล้วเป็นตัวกลางระหว่างคุณเกรียงไกรผู้รับซื้อฝากบ้านกับคุณอ๊อดผู้เสียหาย มีการนัดพบเจอกันและไปดำเนินการร่วมกันที่กรมที่ดิน ยืนยันว่าคุณอ๊อดบอกว่าจะนำเงินจากการขายฝากบ้านไปให้ลูกชายที่ทำงานอยู่ในประเทศสิงคโปร์ และพวกตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพ
พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการโอนเงินอีกส่วนคือเรื่องขายฝากบ้าน โดยจะต้องตรวจสอบบัญชีทั้งหมดที่รับโอนเงิน การขายฝากบ้านจะต้องตรวจสอบว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ยืนยันว่าตำรวจมีอำนาจอายัดบัญชีอยู่แล้ว ไม่มีการขอให้ประชาชนโอนเงินมาเพื่อตรวจสอบ ส่วนการติดตามเงินมาคืนผู้เสียหาย ต้องดูว่าสามรถอายัดบัญชีทันหรือไม่ หรือหากสามารถติดตามจับกุมและยึดทรัพย์ผู้ก่อเหตุได้หรือไม่ พร้อมเตือนผู้ที่เปิดบัญชีม้าถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย
ทนายเจส ณัฐปกรณ์ สุดชา ทนายความ ให้คำแนะนำด้านกฎหมายว่า กรณีการขายฝากบ้านต้องตรวจสอบว่า เป็นการทำธุรกรรมที่ถูกต้องหรือไม่ หากพิสูจน์ได้ว่าผู้รับขายฝากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริง แต่จะต้องดูว่าเป็นการนำนิติกรรมอำพรางหรือไม่ เนื่องจากดอกเบี้ยอาจสูงเกินไป ถ้าหากเป็นนิติกรรมอำพรางสามารถฟ้องเพิกถอนการทำนิติกรรมนี้ได้ ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีกว่าเพราะคุณอ๊อดจะไม่ต้องสูญเสียบ้านไป
พล.ต.ต. นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 ชี้แจงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า ตำรวจสามารถติดตามบัญชีที่เกี่ยวข้องได้แล้วกว่า 80 บัญชี โดยส่วนใหญ่ถูกนำไปแปลงเป็นเงินคริปโทเคอร์เรนซี สามารถตามอายัดเงินได้จำนวนหนึ่งแล้ว ยืนยันว่าผู้เสียหายยังมีความหวังที่จะได้เงินคืนมาจำนวนหนึ่งอย่างแน่นอน หลังจากนี้จะขอนัดผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม