“รถถัง จิตรเมืองนนท์” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) ปาดน้ำตาออกมาเปิดใจถึงประเด็นดรามาในไฟต์เจอกับ “เดนิส พูริช” นักสู้จอมเก๋าจากบอสเนีย-แคนาดา ในศึก ONE 167 เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา
ไฟต์ระหว่าง “รถถัง vs เดนิส” เป็นอีกหนึ่งไฟต์ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจของศึกนี้ เพราะนอกจากประเด็นที่ “เดนิส” จะท้าทายเรียกหาแชมป์โลกชาวไทยมาตลอด จนในที่สุดได้เจอกันเสียที ก็มีเหตุดรามาตั้งแต่ก่อนชกเมื่อ “รถถัง” ไม่สามารถชั่งน้ำหนักและตรวจวัดค่าน้ำให้ผ่านตามพิกัดที่กำหนดไว้ ซึ่งทำเอาเจ้าตัวถูกวิจารณ์อย่างหนักบนโลกออนไลน์ และ หลังจบเกมถึงขั้นต้องเปิดใจเคลียร์ทุกประเด็นเลยทีเดียว
เดิมทีคู่นี้ตกลงชกกันในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) แต่เมื่อถึงวันชั่งน้ำหนัก “รถถัง” กลับทำน้ำหนักและค่าน้ำไม่ผ่าน ตามกฎระเบียบของ ONE กรณีที่นักกีฬาค่าน้ำไม่ผ่าน หลังจากสามารถทำค่าน้ำให้ถึงเกณฑ์ที่กำหนดได้แล้ว น้ำหนักสุดท้ายจะต้องไม่เกิน 5% ของน้ำหนักคู่แข่ง
ในกรณีนี้ “รถถัง” ต้องชั่งได้ไม่เกิน 141.48 ป. ซึ่งหลังจาก "รถถัง" วัดค่าน้ำผ่าน น้ำหนักสุดท้ายอยู่ที่ 141.25 ป. จึงอยู่ในเกณฑ์ที่ชกกันได้ โดย “เดนิส” ที่ชั่งได้ 134.75 ป. ก็ตอบรับการเจรจาตกลงเรื่องค่าชดเชยน้ำหนัก และ ตกลงพิกัดกันใหม่และสรุปได้ว่าชกกันในกติกาคิกบ็อกซิ่ง พิกัดเฉพาะ (แคตช์เวต) 141.25 ป.
โดยหลังจากคว้าชัยชนะไฟต์นี้ได้ “รถถัง” ได้ออกมาเปิดใจถึงปัญหาก่อนชกที่เจ้าตัวตกตาชั่งก่อนการชกไฟต์นี้ เอาไว้ว่า
"นับตั้งแต่วันที่ทำน้ำหนักไม่ได้ ผมเจอกระแสดรามาเยอะมาก ผมแทบจับโทรศัพท์ไม่ได้ มันท้อมาก เมื่อวานผมโดนหนักมาก ไม่ใช่แค่ตัวผมที่โดน ผมโดนคนเดียวผมไม่ว่า แต่คนรอบข้างที่ผมรักโดนดรามาไปด้วย ผมแคร์ส่วนนั้นมาก เสียใจมากที่ต้องมาเจอแบบนี้”
“เรื่องการทำน้ำหนัก ผมต้องยอมรับความผิดพลาดในครั้งนี้ครับ คิดไม่ถึงเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้ชกมาเกือบปี แล้วก็ขยับมือไม่ได้อีก 3 เดือนเต็ม ๆ ซึ่งผมต้องกินยารักษาอาการบาดเจ็บอยู่ตลอด แต่ยังไง ผมยินดีรับทุกคอมเมนต์ครับ”
ทันทีที่มีการยืนยันว่า “รถถัง” ชั่งน้ำหนักไม่ผ่าน คอมเมนต์บนโลกออนไลน์ ก็โจมตีแชมป์โลกชาวไทยอย่างหนัก และได้พูดถึงหลากหลายประเด็นทั้งการซ้อมมวยน้อย เตะฟุตบอลเยอะ และ รับออกรายการโทรทัศน์มากมาย ซึ่ง “รถถัง” ก็ได้ระบายความในใจ และ พูดถึงประเด็นนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า
“ผมไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลทุกวันนะครับ แต่เวลาผมไปเตะ ทุกคนชอบถ่ายคอนเทนต์เก็บไว้ แล้วเวลาโซเชียลเผยแพร่ออกไป ก็จะเห็นผมในภาพที่ไปเตะฟุตบอล แต่ก่อนผมไปเตะบอล ผมจะซ้อมมวยก่อนเสมอ”
“ทุกคนเห็นในสื่อว่าผมรับงานออกรายการทีวี แต่ละรายการที่ผมรับงานมา กว่ารายการจะออนแอร์ ทุกคนก็มาเห็นตอนใกล้วันชกแล้ว ผมรับงานมาเป็น 1-2 เดือนซึ่งก่อนจะชกไฟต์นี้ ผมไม่รับงานมา 1 เดือนกว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้ ทุกไฟต์ผมซ้อมเยอะ ซ้อมหนักแน่นอนครับ"
หลังจากจบศึก ONE 167 บิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ วัน แชมเปียนชิพ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ซึ่งก็ได้มีคำถามถึงความคิดเห็นส่วนตัวถึงความผิดพลาดของ “รถถัง” ในไฟต์นี้ โดยบอสใหญ่ของ ONE เปิดเผยว่า
“ผมเคยพูดกับรถถัง ว่า ‘ความสำเร็จ ความร่ำรวย เงินทอง มันอาจเป็นสิ่งที่ทำร้ายนักกีฬาที่สุดยอดคนหนึ่งได้’ การที่จะเป็นคนเก่งได้ นอกจากจะกลายเป็นตำนานแล้ว เราต้องทำให้ได้มากกว่าคน 99% บนโลก เราต้องสู้ต่อไป ทำต่อไป”
“หลังจากจบเกม รถถังก็ไปร้องไห้ในห้องพักต่ออีกนาน แฟน ๆ ชาวไทยมีคอมเมนต์ที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้เขาเสียใจ ผมคิดว่าหลังจากนี้ รถถัง จะมีเวลาในการฝึกซ้อม และทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อกลับมาสู้อีกครั้งแน่นอน”