logo ข่าวเย็นประเด็นร้อน

แฉ ! มือฆ่าเปลือย ตัดข้อมือแฟนสาว เคยอนาจารเด็ก-บูชาซาตาน | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ข่าวเย็นประเด็นร้อน : ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เหตุการณ์หนุ่ม 18 ปี ฆ่าเปลือยตัดข้อมือแฟนสาว มีการเปิดเผยว่า เมื่อปี 2565 ฆาตกรหนุ่มรายนี้ เคยทำร้าย ช่อง7,ช่อง7HD,CH7,CH7HD,7HD,CH7HDNEWS,ข่าว,ข่าว7,ข่าวช่อง7,ข่าววันนี้,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ข่าวสด,ข่าวเด็ด,ข่าวด่วน,ข่าวร้อน,ข่าวไทย,ข่าวออนไลน์,ข่าวโซเชียล,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวการเมือง,ดูทีวีย้อนหลัง,ดูรายการย้อนหลัง,ดูย้อนหลัง,ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,TERODigital,ข่าวเย็นประเด็นร้อน,สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา,สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์,เปรมสุดา สันติวัฒนา,ฝนฟ้าอากาศ,ทิน โชคกมลกิจ

5,556 ครั้ง
|
06 มิ.ย. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เหตุการณ์หนุ่ม 18 ปี ฆ่าเปลือยตัดข้อมือแฟนสาว มีการเปิดเผยว่า เมื่อปี 2565 ฆาตกรหนุ่มรายนี้ เคยทำร้ายเด็กหญิงอายุ 13 ปี และทำอนาจาร พร้อมกับเคยชวนเด็กหญิงที่ถูกทำร้าย-อนาจาร เข้าร่วมลัทธิบูชาซาตานด้วย
 
จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ นายธนากรณ์ อายุ 18 ปี ฆ่าเปลือยตัดข้อมือแฟนสาว นางสาววรัญญา อายุ 18 ปี ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ต่อมามีการเปิดเผยว่า เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน นายธนากรณ์ เคยทำร้ายเด็กหญิงอายุเพียง 13 ปี และทำอนาจารด้วย ซึ่งคดีอยู่ในพื้นที่ของ สถานีตำรวจนครบาลคันนายาว กรุงเทพมหานคร
 
คุณสันติวิธี พรหมบุตร ผู้สื่อข่าวรายการข่าวเย็นประเด็นร้อน เดินทางไปพบกับแม่ของเด็กหญิงวัย 13 ปี คนดังกล่าว ซึ่งตกเป็นเหยื่อของ นายธนากรณ์ ที่การเคหะชุมชนออเงิน ถนนสุขาภิบาล 5 เขตสายไหม เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นเป็นช่วงปลายปี 2565 ลูกสาวอายุ 13 ปี เรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ไปทำงานพิเศษขายนมเปรี้ยวบริเวณสามแยกจตุโชติ และได้ไปรู้จักกับ นางสาววรัญญา หรือ หมิง ผู้เสียชีวิต และ นายธนากรณ์ หรือ แซน ซึ่งทั้งคู่ทำงานพิเศษขายนมเปรี้ยว อยู่ที่แยกจตุโชติเหมือนกัน
 
แม่ของเด็กหญิงวัย 13 ปี เล่าด้วยว่า ระหว่างทำงานด้วยกัน ลูกสาวมาเล่าให้ฟังว่า นายธนากรณ์ หรือ แซน ชวนลูกสาวเข้าลัทธิบูชาซาตาน ซึ่งเมื่อเธอรู้ก็ตกใจ ไม่รู้ว่าคือลัทธิอะไร จึงห้ามลูกไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับลัทธิดังกล่าว โดยในช่วงนั้น นายธนากรณ์ เคยลงสตอรี่ในเฟซบุ๊กเหมือนกำลังทำพิธีกรรมในลัทธิซาตานด้วย
 
แม่ของเด็กหญิงวัย 13 ปี เล่าต่อว่า ระหว่างที่ลูกสาวเธอทำงานขายนมเปรี้ยวที่แยกจตุโชติ โทรศัพท์มือถือของลูกสาวเสีย หมิง ผู้ตาย จึงขายโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้กับลูกสาว ราคา 800 บาท แต่ให้ลูกสาวทยอยจ่ายได้ ซึ่งลูกสาวก็จ่ายไปแล้ว 300 บาท เหลืออีก 500 บาท แต่ต่อมาลูกสาวไม่ได้ทำงาน เพราะมีปัญหาเรื่องอายุไม่ถึงเกณฑ์ทำงาน จึงกลับมาอยู่บ้านที่การเคหะชุมชนออเงิน หลังจากนั้น นางสาววรัญญา หรือ หมิง ผู้เสียชีวิต ก็ทวงเงินที่เหลืออีก 500 บาท ซึ่งลูกสาวไม่ได้บอกเธอ ถ้าบอกก็จะทยอยผ่อนจ่ายให้จนหมด
 
ต่อมา หมิง ผู้เสียชีวิต แช็ตมาหาลูกสาวทาง Messenger เฟซบุ๊ก เมื่อวันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 เวลา 14.00 น. กว่า ๆ โดยพิมพ์ข้อความในแช็ตบอกว่า พี่มีงานให้ทำ เป็นผู้ช่วยพี่ถือของในคลินิก แค่ถือช่วยหยิบของพี่ให้ 400 ทำงานแค่ 5 ชั่วโมง ถ้าสนใจพรุ่งนี้ พี่ขอเข้าไปคุยเรื่องงานนะ ที่หน้าหอหนู จะช่วง 21.00 น. พี่เลิกงานตอนนั้น จากนั้นช่วง 11.00 น. กว่า ๆ น้องอายุ 13 ปี ตอบกลับว่า โอเคค่ะพี่หมิง หนูอยู่เคหะออเงินตึก…คะ
 
พอคืนวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ช่วงเวลาประมาณ 20.30 น. หมิง ผู้เสียชีวิต แช็ตไปหาน้องเด็กหญิงอายุ 13 ปี บอกว่า เดี๋ยวพี่ไปคะ ซึ่งน้อง 13 ปี ตอบกลับว่า โอเคค่ะพี่
 
จากนั้นช่วงเวลา 21.30 น. น้อง 13 ปี ทักส่งรูปหัวใจไปหา หมิง และพิมพ์ข้อความไปว่า พี่หมิง มากี่โมงคะ เดี๋ยวหนูเผลอหลับ หมิง ก็ตอบกลับว่า รถติดมากเลยค่ะหนู ซึ่งน้อง 13 ปี ก็ตอบกลับว่า โอเคค่ะ พี่หมิง ถ้าถึงแล้วพี่โทรมาได้ไหมคะ หมิงก็ตอบว่า ได้ค่ะ เบอร์หนูละ
 
จากนั้นช่วงประมาณ 23.00 น. น้องเด็กหญิง 13 ปี ก็แช็ตถามว่า หนูอยู่หน้าตึกแล้วค่ะ ซึ่ง หมิง ก็แช็ตถามว่า อยู่ไหน พี่รออยู่นะ มันน่ากลัว ไม่ลงพี่กลับแล้วนะ ทำไมบิดพี่ หายเฉยเลย ทำไมบิดพี่ ซึ่งน้อง 13 ปี ได้โทรผ่าน Messenger หา หมิง เพื่อบอกว่าอยู่ตรงไหน
 
ช่วงนี้จะมีภาพกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ จะเห็นว่ามีคนขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอด แล้วเป็นจังหวะพอดีกับที่น้องเด็กหญิงอายุ 13 ปี เดินลงมาจากอาคาร มาหยุดยืนบริเวณลานจอดรถด้านข้างอาคารที่พัก
 
ช่วงเวลานั้น ผู้ชายที่ขี่จักรยานยนต์มาจอด ได้เดินอ้อมด้านหลังรถยนต์ตรงปรี่เข้ามาหาน้อง 13 ปี พอถึงตัว ก็ใช้หมัดขวาต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของเด็กหญิง 13 ปี อย่างแรง จนน้องเซถอยหลัง และชายคนนั้นใช้มือซ้ายบีบที่คอน้อง ดันไปจนหลุดเฟรมกล้องวงจรปิด โดยผู้ชายคนดังกล่าว คือ นายธนากรณ์ หรือ แซน
 
ซึ่งช่วงที่ นายธนากรณ์ ใช้มือบีบมือน้องดันจนหลุดเฟรมภาพไป เป็นการพาไปบริเวณสวนด้านหลังตึกระหว่างอาคาร 2 อาคาร จากนั้นทำร้ายร่างกาย บีบคอ และถอดกางเกงลูกสาวออก แล้วทำอนาจาร แม้ลูกสาวจะขัดขืน แต่ นายธนากรณ์ ก็ไม่หยุด 
 
จากนั้นไม่นาน จะเห็น นายธนากรณ์ เดินกลับมาในเฟรมกล้อง ยืนอยู่สักพัก ก่อนจะวิ่งปรี่หลุดเฟรมกล้องออกไปอีก แล้วฉุดลากน้องวัย 13 ปี ไปบังคับขึ้นรถจักรยานยนต์ ก่อนพาขับขี่ออกไป ซึ่งช่วงเวลานั้น นายธนากรณ์ ข่มขู่ลูกสาวว่าจะพาไปบริษัทใต้ดิน ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นศัพท์ที่วัยรุ่นพูดหมายถึง พาไปฆ่าหมกดิน ทำให้ลูกสาวต้องยอมขึ้นรถจักรยานยนต์ไปด้วย โดยให้ลูกสาวนั่งหน้า แล้วผู้ก่อเหตุนั่งประกบหลังก่อนจะขับรถออกไปเพื่อพาไปที่อื่น และยังบอกว่าถ้าใครถามให้บอกว่าเป็นแฟน มีเรื่องทะเลาะกันนิดหน่อย ไม่มีอะไร
 
ตอนนั้นลูกสาวหาทางเอาตัวรอด บังคับแฮนรถให้ล้ม จากนั้นวิ่งให้คนรู้จักมาช่วย ซึ่งคนก่อเหตุยังบอกคนแถวนั้นว่าเป็นแฟนลูกสาวอยู่เลย แม่ของเด็กหญิงอายุ 13 ปี บอกด้วยว่า ส่วน หมิง คนที่แช็ตให้น้องอายุ 13 ปี ลงมา น้อง 13 ปี บอกว่าเห็นยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ตอนที่ลูกสาวโดน นายธนากรณ์ ทำร้าย และทำอนาจาร 
 
แม่ของเด็กหญิงวัย 13 ปี บอกว่า หลังเกิดเหตุพาลูกสาวไปแจ้งความที่ สน.คันนายาว และตอนนั้นไปขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยในเรื่องคดีด้วย และเนื่องจากตอนนั้น ผู้ก่อเหตุคือ นายธนากรณ์ อายุ 16 ปี ยังเป็นเยาวชน คดีจึงเข้าสู่ศาลเยาวชน และครอบครัวกลางมีนบุรี ได้ไปศาลวันแรก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเจอทั้ง แซน และ หมิง โดยศาลจะนัดพิจารณาคดีอีกครั้งในวันที่ 28 สิงหาคมนี้
 
ซึ่งการดำเนินคดีนั้น ดำเนินคดี นายธนากรณ์ เพียงคนเดียว ส่วน หมิง หรือ นางสาววรัญญา ผู้เสียชีวิต เป็นพยานในคดี ไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา จากเหตุการณ์นั้น ทำให้ลูกสาวต้องกลายเป็นคนมีปัญหาทางอารมณ์ ไปโรงเรียนไม่ได้ ต้องออกจากโรงเรียน และไม่ได้เรียนจนถึงทุกวันนี้ ส่วนแม่ก็กลายเป็นคนมีปัญหาทางอารมณ์จากเหตุการณ์นี้เช่นกัน โทษตัวเองมาตลอด ที่ปล่อยลูกสาวให้ลงมาเจอเหตุการณ์อันเลวร้าย
 
แม่บอกว่า เมื่อวานนี้รู้ข่าว นายธนากรณ์ ฆ่า หมิง จากข่าวออนไลน์ เมื่อเห็นชื่อก็จำได้ เพราะจำชื่อคนที่ทำกับลูกสาวได้ขึ้นใจ จากนั้นลูกสาวก็รู้ข่าวนี้ด้วยเช่นกัน ทำให้ลูกสาวถึงกับไข้ขึ้น จนวันนี้ก็ยังไม่หาย
 
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง