ข่าวเย็นประเด็นร้อน - สาวใหญ่เจ้าของปั๊มน้ำมันสุดงง โอนเงินผิดไป 53,800 บาท พอติดต่อขอเงินคืนกลับถูกเจ้าของบัญชีด่ายับ อ้างใช้เงินหมดไปแล้ว พอตำรวจนัดให้คู่กรณีมาโรงพัก ถูกคู่กรณีด่ายันโรงพักอีก คู่กรณีขอจ่ายคืนเดือนละ 1,000 บาท รวม 5 ปี
จริง ๆ แล้ว ผู้เสียหายกับเจ้าของบัญชีรู้จักกัน เคยเป็นลูกจ้างนายจ้างกันมาก่อน และเจ้าของบัญชีเคยถูกดำเนินคดี ยักยอกทรัพย์ค่าน้ำมันของผู้เสียหายไป แต่แจ้งความแล้วคดีก็ไม่คืบหน้าเช่นกัน
เมื่อเช้านี้ นางสาวพุรากรณ์ อายุ 48 ปี ผู้เสียหาย โอนเงินผิด ได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ขอให้ตามเงินคืนให้ รวมถึงตามคดียักยอกทรัพย์ให้ด้วย
นางสาวพุรากรณ์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 29 มกราคม เวลา 17.02 น. ตนโอนผิดไปยังบัญชี นางสาวบุษราภรณ์ จำนวนเงิน 53,800 บาท ซึ่งเป็นบัญชีของอดีตพนักงานตน ตนจึงโทรศัพท์ไปขอให้โอนเงินคืน แต่กลับถูกด่ากลับแบบเสีย ๆ หาย ๆ โทษว่าตนไปสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเขา และยังบอกอีกว่าใช้เงินที่โอนผิดมาไปหมดแล้ว เพราะคิดว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายรถ จึงนำไปใช้หนี้หมดแล้ว
จากนั้นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ตนได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.คันนายาว ซึ่งที่ไปแจ้งความช้าเพราะติดงานศพ
หลังจากแจ้งความ ตำรวจได้ออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีให้เข้ามาเจรจากันที่สถานีตำรวจ แต่พอคู่กรณีเจ้าของบัญชีเดินทางมาถึง ก็โวยวายลั่นโรงพัก พร้อมทั้งด่าเสีย ๆ หาย ๆ ตำรวจต้องพาเธอออกมาจากห้องเจรจา สรุปวันนั้นก็ไม่ได้เจรจากัน เพราะเจ้าของบัญชีไม่ยินยอมที่จะคืนเงิน จะขอผ่อนให้เดือนละ 1,000-4,000 บาท แต่ตนไม่ยอม ฝ่ายคู่กรณีจึงบอกจะโอนเงินคืนเพียง 30,000 บาท ตนก็บอกให้โอนมาเลย และให้โอนยอดที่เหลือมาด้วย แต่ฝ่ายคู่กรณีกลับไม่โอนมา และไม่ยินยอมที่จะคืนเงิน ตนจึงยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
และสิ่งที่ทำให้ตนเองโอนเงินผิดไปคือ บัญชีของนางสาวบุษราภรณ์ ถูกตั้งไว้เป็นบัญชีโปรด ตั้งไว้ตอนเป็นลูกจ้าง ซึ่งอยู่ติดกับบัญชีของรถน้ำมันที่นำน้ำมันมาส่งที่ปั๊ม ตอนนั้นตนตั้งใจจะโอนให้เจ้าของรถน้ำมัน และไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าโอนถูกต้องแล้ว ซึ่งวันนั้นตนกำลังจัดงานศพให้ญาติอยู่ด้วย เลยทำให้วุ่น ๆ ไม่ได้สังเกต ต่อมาที่ตนมาทราบว่าโอนผิด เพราะเจ้าของลดน้ำมันทักไลน์มาทวงเงินตน
ทั้งนี้ ตนเคยแจ้งความจับเจ้าของบัญชีรายนี้มาแล้วครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ในข้อหายักยอกทรัพย์ เนื่องจากตอนนั้น นางสาวบุษราภรณ์ทำงานลูกจ้างรายวันของปั๊มน้ำมันตน มีหน้าที่เก็บเงินค่าเติมน้ำมันจากลูกค้า หลังจากทำงานได้ 2 เดือน ยังไม่ผ่านโปร นางสาวบุษราภรณ์ ได้หยุดงานไป 5 วัน โดยไม่มีสาเหตุ ตนจึงโทรศัพท์ไปบอกเลิกจ้าง จากนั้นนางสาวบุษราภรณ์ก็หายไปเลย ยักยอกเงินค่าน้ำมันไปเกือบ 26,000 บาท ตนจึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ในข้อหายักยอกทรัพย์ไว้ แต่คดีก็เงียบหายไป จนมาเกิดเหตุซ้ำที่ตนโอนเงินผิดไปอีก เรื่องนี่ตนยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ทางด้านนายเอกภพ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่ผู้รับโอนจะคิดว่าเงินที่ผู้เสียหายโอนผิดไป จะเป็นเงินค่าขายรถ เพราะยอดเงินจะไม่พอดีกันขนาดนั้น และเจ้าของบัญชีทำผิดแล้ว แทนที่จะรับผิด รีบโอนเงินคืนผู้เสียหายไป แต่นี่ยังไปต่อว่าคนอื่นอีก และจะขอผ่อนคืนเดือนละ 1,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี มันเป็นไปไม่ได้ เดี๋ยวจะประสานไปยังท่านผู้กำกับ สน.คันนายาว ว่า ดำเนินการไปถึงไหนแล้วในคดีนี้ เพราะเจ้าของบัญชีมีความผิดชัดเจน นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ผู้เสียหายยังไม่ได้รับเงินคืนเลย
ติดตามเรื่องนี้กันต่อในรายการ ถกไม่เถียง เย็นนี้ 17.30 น.
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35