ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ชื่อของ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด นั้น ปรากฏในสารบบทะเบียนประวัติอาชญากรตำรวจ มาตั้งแต่ปี 2546 แล้ว แต่ว่าที่มาเป็นข่าวคราวโด่งดังจริง ๆ ก็เพราะหลบหนีออกจากการคุมขังของเจ้าหน้าที่ เมื่อตุลาคมปีที่แล้ว หนีไปได้ถึง 222 วัน หรือ 7 เดือนกว่า ก่อนจะถูกตำรวจอินโดนีเซียจับกุมได้เมื่อเช้านี้
7 เดือนกว่า ที่หนีไปได้ นอกจากกบดานบนเทือกเขาบรรทัด รอยต่อจังหวัดพัทลุงและตรังแล้ว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด นักโทษคดีร้ายแรง ไปกบดานอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งสุดท้ายทางการไทย โดยกระทรวงยุติธรรม ประสานกับทางการอินโดนีเซีย จนสามารถจับกุมตัวได้ที่บาหลี
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ตำรวจอินโดนีเซีย จับกุม แป้ง นาโหนด ได้ที่บาหลี ซึ่งวันพรุ่งนี้ 31 พฤษภาคม กระทรวงยุติธรรม จะประสานเพื่อรับตัวที่กรุงจากกาตาร์
ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ พ.ต.อ.ทวี เผยว่า สัปดาห์ที่แล้ว นายกฯ ให้ตนเองบินไปที่อินโดนีเซีย เพื่อประสานกับทางการอินโดนีเซีย โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI และนายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ เดินทางไปด้วย
เนื่องจาก แป้ง นาโหนด ได้ปลอมหนังสือเดินทาง และเข้าไปอยู่ในอินโดนีเซีย อย่างระมัดระวัง ที่เมืองเมดาน เกาะสุมาตรา ที่บาหลี และอีกหลายแห่ง ทั้งนี้ ตำรวจของอินโดนีเซีย ได้ให้ความร่วมมือ จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็เข้าควบคุมตัว แป้ง นาโหนด ได้ที่บาหลี
พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยด้วยว่า ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ได้มีการวิดีโอคอลมายังตนเองเพื่อให้สอบปากคำ แป้ง นาโหนด และเป็นการยืนยันว่าเป็น แป้ง นาโหนด จริง พร้อมกันนี้ต้องขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 9 และที่สำคัญเมื่อได้ตัว แป้ง นาโหนด แล้ว อาจจะนำมาซึ่งเบาะแส เมื่อได้ตัวมาแล้วก็อาจจะได้เครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย
ส่วนที่ตามตัว แป้ง นาโหนด ได้ เบาะแสสำคัญ คือ มีผู้หญิงหลายคนบินไปหา แป้ง นาโหนด ที่อินโดนีเซียตลอด แต่รายละเอียดอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และไม่ขอระบุว่าเป็นคนในครอบครัวหรือไม่ เนื่องจากต้องรอกระบวนการสอบสวน แต่เท่าที่ดูเบื้องต้นไม่ใช่คนในครอบครัว ซึ่งเชื่อมโยงกับกรณีจับชาวอินโดนีเซียไปเรียกค่าไถ่ด้วย
ส่วนขั้นตอนการนำตัวกลับมาดำเนินคดีนั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า อยู่ในกระบวนการของตำรวจอินโดนีเซีย เนื่องจาก แป้ง นาโหนด ถือหนังสือเดินทางปลอม ซึ่ง แป้ง นาโหนด อาจจะเคยถูกตำรวจที่อินโดนีเซียจับหลายครั้ง แต่จะแสดงตัวเป็นคนใบ้ เพราะไม่สามารถพูดภาษาอินโดนีเซียได้
พ.ต.อ.ทวี บอกด้วยว่า ต้องชื่นชมความสามารถของตำรวจอินโดนีเซีย เมื่อได้รับทราบข้อมูล และจากการที่ตนไปที่อินโดนีเซีย 2-3 วัน ได้ดูเทคนิควิธีการสืบสวนสอบสวน มีความเป็นมืออาชีพ พร้อมบอกว่าขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าเขาจะทำให้เต็มที่ ซึ่งต้องยอมรับว่าหลังจากตำรวจภูธรภาค 9 คว้าน้ำเหลวในการจับกุม ก็ได้มีการติดตามตัวมาโดยตลอด และยอมรับว่า แป้ง นาโหนด เป็นมืออาชีพ แม้แต่ตำรวจอินโดนีเซีย ก็บอกว่านี่คือมืออาชีพ
ตอนที่ไปจับกุม แป้ง นาโหนด เพิ่งบินไปเที่ยวบาหลี แต่ปกติพักอยู่ที่เมดาน เนื่องจากมีคอนโดใหญ่อยู่ที่นั่น ส่วนจะมีเส้นทางทางการเงินส่งไปให้ แป้ง นาโหนด ตลอดใช่หรือไม่นั้น ขอให้มีการสอบสวนก่อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยด้วยว่า จากการพูดคุย แป้ง นาโหนด ยอมรับว่าจนมุมแล้ว ซึ่งทางเราได้ขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และจะรับรองเรื่องความปลอดภัย อีกทั้ง แป้ง นาโหนด ไม่เคยเตรียมตัวว่าจะถูกจับกุมได้ เพราะคงคิดว่าเป็นช่วงที่ปลอดภัยที่สุด จึงไปเที่ยว หากคิดว่าไม่ปลอดภัยก็จะอยู่แต่ในห้อง ซึ่งก่อนถูกจับกุม แป้ง นาโหนด ไปเที่ยวบาหลี และทะเลาะกับผู้หญิงชาวอินโด จึงเป็นที่มาของการจับกุม
สำหรับเบื้องลึกอีกประเด็นหนึ่งของการจับกุม แป้ง นาโหนด นั้น มีรายงานว่า สืบเนื่องจากตำรวจจับกุมผู้ต้องหาคดีอุ้มนักธุรกิจชาวอินโดนีเซีย ไปขังในบ้านที่จังหวัดพัทลุง ก่อนเรียกค่าไถ่ 2.3 ล้านบาท หนึ่งในผู้ก่อเหตุคือ ด.ต.หญิงเพลินพิศ สังกัดตำรวจภูธรภาค 9 ซึ่งเป็นญาติคนสนิทของ แป้ง นาโหนด
จากนั้นไปขยายผลต่อ โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส่งคนไปสอบปากคำ ด.ต.หญิงเพลินพิศ ในเรือนจำ จนยอมบอกที่หลบซ่อนของ แป้ง นาโหนด ทำให้ทางการไทยประสานตำรวจอินโดนีเซีย และเข้าจับกุมด้วย
อีกท่านหนึ่งที่จะต้องกล่าวถึงในภารกิจล่า แป้ง นาโหนด ก็คือ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้รับประสานจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เมื่อ 23 พฤษภาคม ให้ช่วยประสานงานกับอินโดนีเซีย เรื่อง แป้ง นาโหนด เพราะได้ข้อมูลว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่อินโดนีเซีย
จากนั้น พล.อ.นิพัทธิ์ จึงประสานงานกับอดีตรองประธานาธิบดี ยูซุฟ คัลลา ของอินโดนีเซีย ซึ่งเคยทำงานร่วมกันในกระบวนการสันติภาพที่อาเจะห์ จากนั้นท่าน
ขอพบกับ พ.ต.อ.ทวี พล.อ.นิพัทธิ์ จึงขออนุญาตนายกฯ เศรษฐา เดินทางไปพร้อมกับ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ จาก DSI พร้อมลูกน้องอีก 2 คนเดินทาง
เมื่อได้พบกัน ได้รายละเอียด อดีตรองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้มอบหมายให้ผู้แทน ผบ.ตร.อินโดนีเซีย มาพบ เพื่อรับข้อมูล ซึ่งจากนั้นมีการทำงานร่วมกัน ตีวงให้แคบ จนได้ทราบชื่อผู้หญิงที่เป็นคนสนิทของ แป้ง นาโหนด จากนั้นวันจันทร์ที่ผ่านมา ทั้ง พล.อ.นิพัทธิ์ และ พ.ต.อ.ทวี เดินทางกลับมาไทยก่อน กระทั่งล่าสุด เช้าวันนี้ ได้รับโทรศัพท์ตำรวจอินโดนีเซียว่าจับกุมแป้ง นาโหนดได้แล้ว
สำหรับ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด นักโทษคดีร้ายแรง ก่อการแหกคุกด้วยการหลบหนีออกจากการคุมขังของเจ้าหน้าที่ ที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยใช้กุญแจผีไขกุญแจโซ่ตรวน ลงลิฟต์ ขึ้นรถกระบะมิตซูบิชิ 4 ประตู สีขาว หลบหนีไป
หลังจากหนีรอดออกไปได้แล้ว แป้ง นาโหนด กลับไปในพื้นที่อิทธิพลของเขา ที่จังหวัดพัทลุง หลบซ่อนกบดานอยู่ในป่าเทือกเขาบรรทัด รอยต่ออำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง และอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง
ตอนนั้นตำรวจตามแกะรอยไปเจอ แป้ง นาโหนด บริเวณเพิงพักใกล้น้ำตกโตนเต๊ะ อำเภอปะเหลียน เกิดการยิงปะทะกันดุเดือด แต่ผู้ต้องขังรายนี้ หลบหนีไปได้อย่างฉิวเฉียด ตำรวจหวังจะได้ตัว เสริมกำลังเข้าไปอีกหลายหน่วย หลายร้อยนาย แต่ก็ไม่สามารถจับกุม แป้ง นาโหนด ได้
จนกระทั่งต่อมา ช่วงระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน แป้ง นาโหนด อัดคลิป ส่งให้นักข่าวคนหนึ่งในพัทลุง นำมาเผยแพร่ อ้างว่า ตนเองต้องมาติดร่างแหถูกจับกุมตัวดำเนินคดี เพราะถูกหลอกให้ไปช่วย "นาย ส." ซึ่งถูกตำรวจจับกุมคดียาเสพติด
แต่ พ่อนาย ส. และพวกมาหลอกตนว่าลูกชายถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จับตัวไป จึงให้ไปช่วยเหลือ จะนำเงินไปไถ่ตัว นาย ส. ออกมา โดยไม่ยอมบอกข้อเท็จจริงว่าลูกชายถูกตำรวจจับ สุดท้ายเกิดการยิงกันขึ้น ทำให้ตำรวจบาดเจ็บ 2 นาย ทำให้ตน และคนที่เกี่ยวข้อง รวม 7 คน ถูกออกหมายจับ แต่มี 5 คน อัยการสั่งไม่ฟ้อง ส่วนตนเองถูกอัยการสั่งฟ้อง และถูกศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุก 20 ปี 16 เดือน
ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้น แป้ง นาโหนด อ้างว่า เป็นชนวนเหตุทำให้ตนต้องตัดสินใจหนีออกจากคุก เพื่อมาเปิดโปงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และถ้าจะให้มอบตัว ก็ต้องนำผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมดมารับโทษเช่นเดียวกัน
จากนั้น แป้ง นาโหนด ก็เริ่มหายไปจากหน้าสื่อ และมีกระแสข่าวว่าหนีไปอยู่อินโดนีเซีย จนถูกจับกุมได้ล่าสุด รวมระยะเวลาที่หนีไป เป็นเวลานานถึง 222 วัน หรือหนีไป 7 เดือน กับอีก 10 วัน
สำหรับ แป้ง นาโหนด ก่อคดีมาโชกโชน โดยคดีแรกที่บันทึกไว้ในสารบบตำรวจเริ่มขึ้นในปี 2546 ในพื้นที่อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ซึ่งข้อมูลที่ข่าวเย็นประเด็นร้อนได้มา ก่อเหตุไว้ถึง 20 คดี โดยเป็นข้อมูลที่ตำรวจภูธรภาค 9 บันทึกไว้ ประกอบด้วย
คดีที่ 1 พื้นที่ สภ.ตะโหมด ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย
คดีที่ 2 สภ.เมืองพัทลุง ร่วมกันฆ่าผู้อื่น
คดีที่ 3 สภ.เมืองพัทลุง มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง
คดีที่ 4 สภ.เมืองพัทลุง ร่วมกันลักทรัพย์โดยมีอาวุธปืน
คดีที่ 5 สภ.เมืองพัทลุง มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง
คดีที่ 6 สภ.ป่าบอน พ.ร.บ.อาวุธปืน
คดีที่ 7 สภ.ตะโหมด ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
คดีที่ 8 สภ.เมืองพัทลุง พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พ.ร.บ.อาวุธปืน
คดีที่ 9 สภ.เมืองพัทลุง มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน
คดีที่ 10 สภ.เมืองพัทลุง พยายามฆ่าผู้อื่นฯ
คดีที 11 สภ.เขาชัยสน พ.ร.บ.ยาเสพติด
คดีที่ 12 สภ.เมืองพัทลุง บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยมีหรือใช้อาวุธปืน
คดีที่ 13 สภ.เมืองพัทลุง มีสิ่งของต้องห้ามไว้ในครอบครอง
คดีที่ 14 สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
คดีที่ 15 สภ.ชะอวด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ, พ.ร.บ.อาวุธปืน
คดีที่ 16 สภ.นาขยาด ร่วมกันพยายามฆ่า, พ.ร.บ.อาวุธปืน
คดีที่ 17 สภ.เมืองพัทลุง ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นฯ
คดีที่ 18 สภ.เมืองนครศรีธรรมราช หลบหนีที่คุมขัง
คดีที่ 19 สภ.ตะโหมด พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, พ.ร.บ.อาวุธปืน
คดีที่ 20 พื้นที่ สภ.กงหรา พ.ร.บ.อาวุธปืน
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35