logo เงินทองของจริง

เพราะอะไร ตลาดซื้อขายค่าเงิน ถึงได้ชื่อว่า “ตลาดแห่งโอกาส” ของนักเทรด ? | เงินทองของจริง

เงินทองของจริง : เวลาที่เราถาม “นักเทรด (Trader)” ว่าหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักเทรดแทบจะทุกคน มักจะกระโดดเข้าไปหาโอกาสทำกำไรเสมอ คำตอบที่ได้ก็คือ ตลา ch7hd news,tero digital,ch7hdnews,terodigital,เงินทองของจริง,moneycoach,money coach,โคชหนุ่ม จักรพงษ์,โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์,โค้ชหนุ่ม,กาย สวิตต์,เศรษฐกิจ,การเงิน,การลงทุน,การออม,ออมเงิน,เก็บเงิน,สอนลงทุน,สอนออมเงิน,สอนเก็บเงิน

8,951 ครั้ง
|
20 พ.ค. 2567
เวลาที่เราถาม “นักเทรด (Trader)” ว่าหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักเทรดแทบจะทุกคน มักจะกระโดดเข้าไปหาโอกาสทำกำไรเสมอ คำตอบที่ได้ก็คือ ตลาดซื้อขายค่าเงิน เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างอย่างแน่นอน วันนี้เลยอยากจะพาคุณผู้ชมสำรวจว่า ตลาดซื้อขายค่าเงิน จริงๆ แล้วคืออะไรกันแน่ แล้วทำไมถึงเป็นตลาดที่นักเทรดมองว่าเป็นโอกาสทำกำไรที่มักกระโดดเข้าไปกัน
 
ตลาดซื้อขายค่าเงิน ก็คือการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
 
เป็นตลาดที่คนเอา “สกุลเงิน” ต่างๆ เข้ามาแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่มีมานาน พอๆ กับที่มีการคิดค้นสกุลเงินขึ้นมาบนโลกเมื่อ 500 ปีที่แล้วก็ว่าได้
โดย ตลาดซื้อขายค่าเงิน เองก็มีการพัฒนา และ ปรับเปลี่ยนมาตามยุคสมัย จนปัจจุบันสามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่าย ๆ
 
ซึ่งตลาดซื้อขายค่าเงินถือว่ามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจมาก เพราะเมื่อเราก้าวเท้าเดินออกจากประเทศไปยังประเทศที่ไม่ใช้ “สกุลเงิน” เดียวกัน เราจำเป็นต้องแลกเงินไปเป็นเงินสกุลเงินท้องถิ่นนั้นๆ ไม่ว่าจะไปเที่ยว ทำธุรกิจ หรือ เดี๋ยวนี้แค่เราสั่งของออนไลน์จากเว็บไซต์ต่างประเทศก็ถือว่ามีธุรกรรมการแลกเงินเกิดขึ้น ซึ่งเราเองก็เป็นส่วนหนึ่งของ ตลาดซื้อขายค่าเงิน ที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
“สกุลเงิน (Currency)” ก็เหมือนกับสินค้ามีราคาปรับขึ้นตาม Demand & Supply
 
โดยปกติแล้วสกุลเงินที่เราจะซื้อขายกันมักเป็นคู่สกุลเงินเสมอ เช่น USD/THB = 35.5 ก็จะแปลว่าเงิน 1 ดอลลาร์ แลกได้ 35.5 บาท และ เราก็มักจะเห็นว่าสกุลเงินในแต่ละคู่นั้นมีการปรับเปลี่ยนอยู่ต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะสกุลเงินมีการ “แข็งค่า” และ “อ่อนค่า” ขึ้นลงตามกฎของ Demend & Supply เมื่อสกุลเงินใดมี “ความต้องการมากขึ้น” ก็จะส่งผลให้สกุลเงินนั้น “แข็งค่า” ขึ้น และ แน่นอนเมื่อคน “ไม่ต้องการถือสกุลเงิน” ใดขึ้นมาก็จะทำให้สกุลเงินนั้น “อ่อนค่า” ลง
 
ส่วนเหตุผลที่ทำให้คนต้องการถือมากขึ้นหรือน้อยลงเองก็มีทั้ง สภาวะเศรษฐกิจ การเมือง นโยบายการเงิน นโยบายการคลัง ฯลฯ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมสกุลเงินถึงมีการขยับต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะมีปัจจัยเข้ามากระทบที่หลากหลายนั่นเอง
 
ตลาดซื้อขายค่าเงิน เป็นตลาดที่มีความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง
 
ด้วยเหตุที่ราคาของแต่ละ “สกุลเงิน” มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวของราคา เท่ากับว่าเป็นโอกาสให้นักเทรด ที่จะสามารถเข้าไปหากำไรจาก “ส่วนต่างของราคา” ได้ ซึ่งข้อดีของตลาดซื้อขายค่าเงินก็มาหลากหลายเลย
 
1. ตลาดมีสกุลเงินให้เลือกเทรดหลายสกุลเงิน
ถ้านับแค่คู่สกุลเงินหลัก ๆ อย่าง EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, AUD/USD หรือ USD/CNY ที่เป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยม ทำให้มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายสะดวก แต่ในความเป็นจริงโลกของเรามีมากกว่า 180 สกุลเงินที่สามารถเข้าไปหาโอกาสได้
 
2. สามารถเลือกทำกำไรได้จากทั้งขาขึ้น และ ขาลง
เวลาที่เราจะเทรดสกุลเงินเราต้องเลือกทิศทางที่จะเข้าไปเก็งกำไรด้วย ว่าจะเลือกให้แข็งค่า หรือ อ่อนค่า โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบในแต่ละสกุลเงินมีหลากหลาย การที่เราจะเลือกเก็งกำไรทางไหน ขึ้นอยู่กับข้อมูล ทักษะ และ ประสบการณ์การลงทุนของแต่ละคน
 
3. ใช้ระดับความเสี่ยง (Leverage) เพิ่มความสามารถในการทำกำไร
โดยทั่วไปค่าเงินมักไม่ได้ขยับตัวเร็วทีละ 10 – 20% แบบหุ้น หรือ คริปโต แต่การขยับเพียง 0.5 – 1 % ก็เรียกว่าส่งผลกระทบอย่างมากแล้ว ดังนั้นในตลาดซื้อขายค่าเงินจะสามารถเลือกระดับความเสี่ยงได้ เช่น เลือกใช้ Leverage 50 เท่า ก็แปลว่า ถ้าหากสกุลเงินมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่เราคาดการณ์ 1% จะทำให้เราได้กำไร 50% นั่นเอง
 
แต่ถ้าเลือกผิดทางก็จะทำให้เกิดความเสียหายกับพอร์ตอย่างมากได้เช่นกัน ดังนั้นการเลือกใช้ Leverage จะต้องใช้อย่างระมัดระวัง พร้อมแผนการเทรดที่ชัดเจน และ ห้ามใช้ Leverge เกินความสามารถในการรับความเสี่ยงที่เรารับได้
 
การเทรดในตลาดซื้อขายค่าเงินมีความเสี่ยงและข้อควรระวังต่อไปนี้ที่นักเทรดควรทราบมีอะไรบ้าง
 
1. ความเสี่ยงของความผันผวน: ตลาดฟอเร็กซ์มีความผันผวนที่สูง ราคาสกุลเงินอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการขาดทุนของนักเทรด นักเทรดควรมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและใช้กำไรและขาดทุนเป็นการพิจารณาในการเทรด
2. ความเสี่ยงของการยืมเงิน: นักเทรดบางคนอาจใช้การยืมเงิน (เลเวอเรจ) เพื่อเพิ่มการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ แต่การใช้เลเวอเรจอาจเพิ่มความเสี่ยงและขยับการขาดทุนได้
3. ความเสี่ยงต่อความเปลี่ยนแปลงในราคา: ความเปลี่ยนแปลงในนโยบายเศรษฐกิจของประเทศหรือเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่คาดคิดอาจมีผลต่อราคาสกุลเงิน การปรับเปลี่ยนเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในตลาดฟอเร็กซ์
4. ความเสี่ยงของการขาดทุน: นักเทรดควรเตรียมพร้อมกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์อาจทำให้ขาดทุนได้ ควรใช้เงินที่สามารถขาดได้ในการลงทุนและไม่ควรลงทุนเงินที่เป็นเงินออมหรือที่ต้องการใช้ในการใช้จ่ายทุกวัน
5. ความเสี่ยงของความผิดพลาดในการวิเคราะห์: การวิเคราะห์ตลาดฟอเร็กซ์อาจมีความยากลำบากและอาจเกิดความผิดพลาดในการวิเคราะห์ นักเทรดควรเรียนรู้และพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงนี้
6. ความเสี่ยงต่อค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียม: การซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์อาจมีค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมที่สูง นักเทรดควรทราบถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเทรดและคำนวณให้เหมาะสมในกำไรและขาดทุนที่คาดหวัง
 
นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดอีกด้วยนะครับ  ในประเทศไทยยังไม่มีโบรกเกอร์ของ ตลาดซื้อขายค่าเงิน ใดที่ได้รับใบอนุญาตจาก ธปท.จึงทำให้นักเทรดที่ต้องการเข้าสู่ตลาดซื้อขายค่าเงินจะต้องไปใช้บริการโบรกเกอร์จากต่างประเทศ
 
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital
 
 
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่