ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ญาติเผยสาวไทยถูกฆ่าในป่าไต้หวัน ตายตาไม่หลับ อยากบอกไม่ต้องห่วง จะช่วยกันเลี้ยงหลาน ด้านแม่เตรียมเดินทางไปฌาปนกิจศพลูก นำอัฐิกลับไทย
เป็นคดีสะเทือนขวัญคนไทยในต่างแดน เมื่อสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย-ไทเป ได้รับรายงานจากตำรวจไต้หวัน ว่า นางสาวสุดธิดา หรือ แวว อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี เสียชีวิตจากการถูกทำร้ายบนภูเขา ในพื้นที่เมืองจี่หลง ที่ไต้หวัน เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ล่าสุดเพจ หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว ออกมาสรุปเหตุการณ์ ตามที่ตำรวจไต้หวันแถลงชี้แจงว่า ผู้ตายเดินทางเข้ามาไต้หวัน ด้วยวีซานักท่องเที่ยว 14 วัน แต่วันเกิดเหตุ ผู้ตายอยู่ไต้หวันเกินกว่า 1-2 เดือนแล้ว ผู้ตายมีแฟนเป็นชายชาวไทย ทำงานอยู่ในเขตซินจู๋ ก่อนหน้านี้ได้โพสต์หางานทำในไต้หวัน จนได้รู้จักกับ นางหลิน ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนก่อเหตุฆาตกรรม เป็นหญิงไทย อายุประมาณ 40 ปี ภายหลังแต่งงานกับคนไต้หวัน ได้สละสัญชาติไทย พอผู้ตายมาไต้หวัน ได้ขอทำงานบ้าน นางหลิน เพื่อแลกกับเงิน และค่ากินอยู่
กระทั่งช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 10 พฤษภาคม แฟนหนุ่มของผู้ตาย ได้รับข้อความจากผู้ตายว่า พี่หลิน พาขี่จักรยานยนต์ขึ้นเขา มาช่วยที พร้อมส่งโลเคชันให้แฟนหนุ่ม ก่อนขาดการติดต่อ แฟนหนุ่มชาวไทยโทรหาเพื่อนคนไทยที่พูดจีนได้ ให้ช่วยแจ้งความ
สุดท้าย ตำรวจลงพื้นที่ ไปพบร่างของผู้ตายติดอยู่บนกิ่งไม้ ถ้าไม่ติดอยู่ คงตกลงไปลึกในเขา จากการชันสูตรเบื้องต้น พบรอยมีดแทงร่างกายหลายจุด ทำให้เสียเลือดมาก และเมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบรถที่ผู้ตายนั่งไปพร้อมผู้ต้องสงสัย จึงทำการจับกุม เบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยให้การปฏิเสธเรื่องฆ่า ให้การเพียงว่า มีปากเสียงกัน พาผู้ตายไปขึ้นเขา แต่เธอไม่ได้ฆ่า ไม่ได้แทงผู้ตาย และได้ขี่รถลงเขามาคนเดียว คาดว่า ผู้ตายพลัดตกเขาเอง แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะพบรอยเลือดติดที่รถ อีกทั้งผู้ต้องสงสัยให้การวกวน ไม่มีเหตุผลพอในการยื่นประกันตัว
ขณะที่ทีมข่าวสอบถาม นางดวงพร ป้าของผู้เสียชีวิต บอกว่า กงศุลไทยโทรมาแจ้งแล้วว่า จับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว เป็นนายจ้าง ตอนนี้คุมตัวอยู่สถานีตำรวจ ไม่อยากให้ได้รับการประกันตัว เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ส่วนตัวผูกพันกับผู้ตาย เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก โดยผู้ตายมีลูก 2 คน เป็นเด็กชายทั้งคู่ อายุ 14 ปี และ 4 ปี เมื่อเดือนเมษายน 2566 ได้เดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน (ร้านนวด) เพราะต้องการหาเงินเลี้ยงลูก แต่พอวีซาหมด ก็ยังไม่อยากกลับบ้าน เพราะได้เงินดี ก่อนมาทราบภายหลังว่า ไปทำงานกับผู้ต้องสงสัย เป็นแม่บ้านได้ 3 วัน ก่อนโทรกลับมาเล่าว่า นายจ้างใช้งานหนัก ไม่ให้พักผ่อน ประกอบกับไปเจอทองหนัก 5 บาท เป็นทรัพย์สินของผู้ตาย ที่จะนำกลับเมืองไทย
กระทั่งคืนเกิดเหตุ หลานโทรมา เล่าว่า นายจ้างผู้หญิงใช้ซักกางเกงใน ด้วยความโมโห ประกอบกับไม่ยอมให้กินข้าว จึงเตะถังน้ำใส่นายจ้าง และช่วง 19.00 น. คืนเดียวกัน หลาน บอกว่า นายจ้างชวนขึ้นไปเก็บผักบนภูเขา ก่อนขาดการติดต่อหายไปเลย กระทั่งมาทราบอีกทีคือเป็นศพ
ส่วนแม่ของผู้เสียชีวิต ขณะนี้เดินทางไปทำหนังสือเดินทาง เพื่อที่จะไปทำพิธีฌาปนกิจศพหลานที่ไต้หวัน ซึ่งความจริง อยากได้ร่างกลับมา แต่เมื่อเป็นไม่ได้ ก็ต้องไปทำพิธีฌาปนกิจ และนำอัฐิกลับมาบ้าน
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม