“ตลกดัง” หักหลบชนท้ายเบนซ์ คู่กรณีพา “นายพล” ขึ้นโรงพัก สุดท้าย กลายเป็น “คนผิด”

"ตุ้มเม้ง เถิดเทิง" ร้องขอความเป็นธรรม หลังขับชนท้ายรถเบนซ์ ที่เจ้าของเมาชนแบริเออร์ จอดข้างทาง แถมยังเมาแอ๋ ตอนแรกเจ้าตัวยอมรับว่าผิด แต่พอขึ้นโรงพัก กลับพาคนใหญ่คนโตมากดดัน ตร. จนสุดท้ายเจ้าตัวโดนตั้งข้อหา !?

 

 

            วันที่ 9 พ.ค. 2567 ประเสริฐ ประเสริฐสุนทร (ตุ้มเม้ง เถิดเทิง) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2567 เวลาประมาณ 01.00 น. ตนได้ขับรถอยู่บนถนนราชพฤกษ์ และอยู่ ๆ ก็มีแบริเออร์ขวางกลางถนน ทำให้ตนต้องหักรถหลบกระทันหัน ทว่าพอหักเลี้ยวหลบเสร็จกลับกลายเป็นว่าตนชนเข้ากับท้ายรถเบนซ์เข้าอย่างจัง จนถุงลมนิรภัยของรถตัวเองแตกออกมา โดยที่ตอนนั้นตนสลบไปพักหนึ่ง ก่อนจะได้น้องที่นั่งมาด้วยกันช่วยปลุกขึ้นมา 

 

            จากนั้นตนได้เข้าไปหารถคู่กรณีก็พบหญิงสาวคล้ายคนเมานั่งอยู่ในรถเบนซ์ ซึ่งคู่กรณีเขาคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง ตนยังต้องช่วยเขาหาเอกสารเพื่อติดต่อประกันด้วยอยู่เลย ทั้งนี้ วันที่เกิดเหตุ ตน และน้องที่มาด้วยกัน ได้รับบาดเจ็บ และมีหนุ่มพลเมืองดี ที่อ้างว่าเข้ามาช่วยลากแบริเออร์ก็ได้รับบาดเจ็บ 

 

            พอเสร็จจากที่เกิดเหตุ ตนและคู่กรณีก็ได้ไปที่ สน.ตลิ่งชัน และได้ทำการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ก็พบว่าคู่กรณีมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 191 เปอร์เซ็น ส่วนของตนวัดได้ 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ต่อมาวันที่ 22 มี.ค. 2567 ตำรวจได้ทำการสรุปว่า รถของคู่กรณีเป็นฝ่ายผิด เพราะไปชนแบริเออร์ จนเกิดอุบัติเหตุให้ตนชนเข้า อีกทั้งคู่กรณียังให้การยอมรับเองด้วยว่าประมาทจริง และนอกจากนั้นประกันของคู่กรณีเขาก็น่าจะประเมินแล้วว่าฝั่งเขาผิด จึงได้ทำการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากการขาดงานมาให้ตน 50,000 บาท ซึ่งตอนนี้เท่ากับว่าตนเป็นผู้เสียหาย 

 

            ทว่า วันที่ 10 เม.ย. 67 ตำรวจได้มีการนัดเข้าไปสอบปากคำเพิ่มอีกครั้ง ซึ่งฝั่งคู่กรณีได้พาชายที่คล้ายอดีตข้าราชการใหญ่โต เข้ามาโวยวายว่าตนเป็นคนผิด เพราะ ตนไปชนท้ายเขา ยืนยันว่ายังไงตนก็ผิด พูดเหมือนชี้นำตำรวจ กระทั่งวันที่ 7 พ.ค. 2567 ตำรวจกลับเรียกตนไปรับข้อหา ขับรถประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย ทั้งที่ในการสอบปากคำครั้งก่อน คู่กรณียอมรับผิดไปแล้วด้วยซ้ำ 

 

 

 

            ทั้งนี้ทางทีมงานรายการถกไม่เถียง ได้ติดต่อสอบถามไปยัง คู่กรณี เจ้าของรถเบนซ์ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยทางคู่กรณี ให้ข้อมูลว่า ยอมรับว่าวันเกิดเหตุตนเองนั้นเมาจริง โดยได้ขับเฉี่ยวชนแบริเออร์ และไปจอดรถออยู่ริมข้างทาง จากนั้นมีพลเมืองดีเข้าโบกรถให้ ก่อนที่รถของคุณตุ้มเม้ง จะขับมาชนท้ายรถของเธอ และพลเมืองดีก็โดนลูกหลงไปด้วย 

 

            โดยตอนแรกตนเองยอมรับว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด เพราะคุณตุ้มเม้ง ขอร้องให้ตนช่วย เนื่องจากคุณตุ้มเม้งขอร้องให้ตนช่วย เพราะรถของคุณตุ้มเม้งมีประกันชั้น 3+2 และหมดไปตั้งแต่เดือน มี.ค. แล้ว แต่พอกรณีนี้มีผู้บาดเจ็บตนจึงเปลี่ยนคำให้การ เพราะทางรถของตนมีประกัน และทางผู้บาดเจ็บเองต้องการให้คุณตุ้มเม้งเป็นคนรับผิดชอบ 

 

            ส่วนเรื่องของการพาอดีตทหารยศนายพล มาโรงพักด้วยนั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้พาใครไป มีเพียงแค่ทนายส่วนตัวเท่านั้น แต่ทางคุณตุ้มเม้ง นั้นที่พาทหารยศผู้พันจาก กอ.รมน. ไปช่วยไกล่เกลี่ยด้วย ขณะที่เรื่องเมาแล้วครับ ตนยอมรับว่าเมาจริง และโดนศาลสั่งฟ้องฐานเมาแล้วขับเรียบร้อยแล้ว แต่กรณีเรื่องเมาแล้วเฉี่ยวชนกัน คงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อไป 

 

            ด้านคุณตุ้มเม้ง ยืนยันว่า ประกันของตนเองยังไม่ได้ขาดด้วย เพราะเกิดเหตุ 21 มี.ค. 2567 แต่ประกันตนหมด 23 มี.ค. 2567 และ เรื่องที่คู่กรณีบอกว่าไม่ได้พานายทหารมา ตนขอให้ไปย้อนกล้องดูในโรงพักวันนั้นได้เลย ส่วนการที่ตนพาทหารจาก กอ.รมน. ไปด้วยนั้น เพราะตนไม่รู้เรื่องกฎหมาย ตนพาเขาไปช่วยดู ตนไปคนเดียวก็กลัวเหมือนกัน ซึ่งทหารคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่แสดงละครด้วยกัน

 

            ขณะที่ประเด็นของพลเมืองดีที่ได้รับบาดเจ็บ วันที่เกิดเหตุ ตนลงจากรถมาถามไถ่อาการบาดเจ็บของน้องคนนี้ก่อนเลย อีกทั้งยังให้พี่น้องร่วมกตัญญูเป็นฝั่งไปส่งน้องที่โรงพยาบาลก่อนด้วยซ้ำ ตนจะไม่ห่วงน้อง ไม่รับผิดชอบได้อย่างไร 

 

 

            ฟาก สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า เคสนี้ ข้อหาที่คุณตุ้มเม้งโดนมันดูผิดปกติ เพราะตามปกติแล้ว ถ้าจะตั้งข้อหาคุณตุ้มเม้ง ต้องตั้งข้อหาตาม พรบ.จราจรทางบก มาตรา 43(4) ในข้อหาประมาท มีโทาปรับไม่เกิน 4,000 บาท แต่กลับมาตั้งข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ ซึ่ง คุณตุ้มเม้ง เขาขับหลบแบบริเออร์จึงมาชนท้ายรถเบนซ์ ซึ่งไม่ได้มีเจตนาเลย แต่ไม่เป็นไร ตนคิดว่าหลักฐานของฝั่งคุณตุ้มเม้งค่อนข้างมีน้ำหนัก และถ้าศาลสั่งยกฟ้องเมื่อไหร่ ก็แจ้งความกลับคู่กรณีฐานแจ้งความเท็จได้เลย 

 

            ขณะเดียวกัน พ.ต.ท. เปรม วิชนา รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมงานรายการถกไม่เถียงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับคุณตุ้มเม้งอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดให้พนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่คุณตุ้มเม้งไม่สบายใจ เรื่องที่มีอดีตนายพลเดินทางมาที่โรงพักนั้น ตนไม่ทราบว่ามาจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม จะไม่มีผลกับคดีอย่างแน่นอน นอกจากนั้นข้อมูลล่าสุดคือ ทางเจ้าของรถเบนซ์โดนแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ แต่เธอปฏิเสธในชั้นสอบสวน