หนังคนละม้วน ! “แบงค์ เลสเตอร์” ถูก “เกื้อ เพียวพังค์” ยกพวก รัวหมัด สนับชกหน้า

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต หลัง "แบงค์ เลสเตอร์" เน็ตไอดอล ขายพวงมาลัย ถูก "เกื้อ เพียวพังก์" ล่อลวงให้ไปโดนกระทืบ งานนี้ ฝั่งไหนพูดความจริง ต้องติดตาม ! 

 

 

            วันที่ 7 พ.ค. 2567 แบงค์ เลสเตอร์ ผู้บาดเจ็บ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ไปเดินตลาดแห่งหนึ่งย่านสายไหม กับรุ่นน้อง แล้วบังเอิญไปเจอกับ เกื้อ เพียวพังค์ ซึ่ง เกื้อ ได้บอกกับตนว่าให้นั่งรอ เดี๋ยวจะมีคนมาจ้างงานรีวิว ด้วยความที่ตนเคยร่วมงานกับเกื้อ ก็ได้นั่งรอ แต่รอนานมากจนตลาดปิด ประมาณ 2 ชั่วโมง กระทั่งเพื่อนของเขาขับรถจักรยานยนต์มาจอดหน้าร้าน

 

            จากนั้นเพื่อนเขาชื่อท็อปถามกับตนว่า "มึงจำได้ไหม ที่ต่อรอคาเสื้อกู 200 บาท" ตนก็ได้บอกกับเขาว่าตนพูดเล่น แต่สุดท้ายอีกฝั่งเขาไม่เล่น ได้เข้ามาทำร้ายตน และขู่ว่าจะยิงตน ตนโดนทั้งสนับมือต่อย และมีดจี้คอ สำหรับอาการบาดเจ็บของตน มีทั้ง หางคิ้วแตก แก้มขวาแตก จมูกแตก มีแผลยาวที่คาง หลังถลอก และมีรอยถูกเจาะที่ศีรษะ โดยทั้งหมดมาจากการกระทำของ นายท็อปคนเดียว ส่วน เกื้อ เพียวพังค์ ได้เข้ามาเตะตนตอนหลัง แต่ไม่ได้แรงเท่าไหร่ นอกจากนี้ นายท็อป ยังมีการให้ตนทิ้งดิ่ง เหมือนระบบทหาร เพื่อให้ตนรับผิดอีกด้วย 

 

            เรื่องนี้จบได้โดยการที่ตนได้ขอร้องชีวิต เพราะตนกลัวมาก ส่วนคลิปที่ออกมาว่าตนขอโทษนายท็อปนั้น ที่ตนต้องขอโทษ เพราะถูกเขาเอามีดจี้อยู่ ถ้าไม่มีมีดยังไงตนก็ไม่ขอโทษ เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้แจ้งความไว้ที่ สน.สายไหม ไว้แล้ว ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด 

 

 

            ฟาก เกื้อ เพียวพังค์ คู่กรณี กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นนกต่อไปให้ แบงค์ ไปโดนกระทืบ ในตอนแรกมีรุ่งน้องจะมาจ้างงานแบงค์ รีวิวกางเกงจริง  ๆ แต่รายละเอียดตนไม่ทราบ พอแบงค์มาที่ร้านตน ตนก็หาเก้าอี้ให้นั่ง ไม่ได้ไปกักขังอะไรเขา เขายังเดินไปซื้อข้าว ดูของอะไรได้อยู่เลย ส่วนเรื่องที่แบงค์ทะเลาะกับท็อป วันนั้นเขามีเรื่องต่อยกันร้านของตนจริง แต่ตนไม่อยากมีปัญหากับตลาด เพราะตนยังต้องขายของที่นี่อยู่ จึงได้ทำการไล่ให้เขาไปมีเรื่องกันที่อื่น ขณะเดียวกัน เรื่องที่ตนไปเตะแบงค์นั้น ตนยืนยันว่าแค่เอาเท้ายันออก เพราะความรำคาญ

 

            ขณะที่ ท็อป คู่กรณี เล่าว่า  ยืนยันว่าตนมีการทำร้ายร่างกายแบงค์จริง แต่ว่าตนโดนทำร้ายก่อน โดนแบงค์ตีเข่าเข้าหน้าก่อน ส่วนเรื่องสนับมือนั้น ตนไม่มี ตนเพียงแค่ใส่แหวนต่อยเขาเท่านั้น ขณะที่เรื่องมีดจี้คอนั้นก็ไม่มี สำหรับมูลเหตุของเรื่องราวนี้ เป็นเพราะว่า นายแบงค์ มาพูดจาดูหมิ่นเสื้อที่ตนทำขายว่าเป็นเสื้อขยะแบบนี้ ขายแค่ 200 ก็พอแล้ว 

 

            ทั้งนี้ ระหว่างรายการ คุณท็อป ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้พกมีด กระทั่งทางรายการได้เปิดคลิปกล้องวงจรปิด และเห็นลักษณะสิ่งของที่ คุณท็อป ถือเป็นท่อนคล้ายเหล็กยาว พิธีกร จึงได้ถามจี้อีกครั้ง จน คุณท็อป ได้ยอมรับว่าพกมีดจริง 

 

 

            ด้าน ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยา และพฤติกรรมอาชญากร มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า ส่วนตัวตนไม่เชื่อว่ามูลเหตุจะเป็นแค่เรื่องเสื้อ มันต้องมีเรื่องอย่างอื่น เพราะถ้าสติสมประกอบทั้ง 2 ฝ่าย คงไม่ทำร้ายร่างกายกันถึงระดับนี้ เว้นแต่จะมีเรื่องอย่างอื่น อาทิ เรื่องยาเสพติด หรือเรื่องที่หนักหนากว่านี้ ส่วนเรื่องล่อลวงแบงค์ให้ไปโดนกระทืบ ตนมองว่าไม่ใช่ เพราะ เขาสมัครใจนั่งรอ 

 

 

            ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เล่าว่า สำหรับความผิดของท็อป จะเข้าข่าย ทำร้ายร่างกาย ถ้าไม่ถึงสาหัส ก็มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องข่มขืนใจ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท เนื่องจากมีเรื่องบังคับให้แบงค์กล่าวคำขอโทษ และสุดท้ายเป็นเรื่องของการหน่วงเหนี่ยวกักขัง โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท