หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องของตัวเลข GDP อาจจะรู้คราวๆว่าเป็นตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของประเทศ แต่ที่มาที่ไปของตัวเลขนี้มาได้ยังไง ?
GDP คือย่อมาจาก Gross Domestic Product เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการวัดขนาดและปริมาณของการผลิตและบริการทั้งหมดภายในระยะเวลาหนึ่งภายในประเทศ
การคำนวณ GDP สามารถทำได้ในหลายวิธี แต่วิธีที่พบบ่อยที่สุดคือวิธีการคำนวณจากการรวมรายได้ทั้งหมดของประชากรในประเทศ หรือการรวมรายจ่ายทั้งหมดในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งประกอบด้วยการบริโภค การลงทุน การบริโภคของรัฐ และส่วนที่เหลือของการค้าสุทธิ
ซึ่งการคำนวณ GDP ก็จะออกมา 2 ค่า คือ GDPเป็นบวก / GDP เป็นลบ
ถ้าค่า GDP เป็นบวก แสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการเติบโตขึ้น มีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น แต่สิ่งที่อาจตามมาได้ คือ อัตราเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นได้เช่นกัน เพราะเมื่อคนมีความต้องการซื้อกันมากขึ้น สามารถดันให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นมาได้
ถ้าค่า GDP เป็นลบ แสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวเลง มีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศลดลง เกิดจากกอะไร ขอกลับไปที่ตัวอย่างโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังอีกครั้ง
โดยแน่นอนว่า GDP เป็นตัวชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งสำคัญต่อทิศทางการลงทุน โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนย่อมต้องการเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ สามารถเติบโตได้ในระดับที่ดีต่อเนื่อง แต่คำถามคือตัวเลข GDP ที่ประกาศออกมาในแต่ละครั้งนั้น ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยมากน้อยแค่ไหน
เมื่อลองเปรียบเทียบมูลค่า GDP ของประเทศไทย กับการเคลื่อนไหวของ SET Index ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปี 2020 จะเห็นว่าความสัมพันธ์ค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกัน “ขึ้นก็ขึ้นเหมือนกัน ลงก็ลงเหมือนกัน” โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะมีเพียงช่วงปี 2013-2015 เท่านั้นที่ความสัมพันธ์แปรผกผันกัน เนื่องจากมีปัจจัยภาพนอกมากระทบค่อนข้างมาก ทั้ง วิกฤติเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป และเหตุการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ
นอกจากนี้ หากศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง GDP กับ SET Index โดยใช้สูตรสหสัมพันธ์ (Correlation) เพื่อดูว่าตัวแปรทั้งสองมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันมากน้อยแค่ไหน หาก Correlation เข้าใกล้ +1 แปลว่ามีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน แต่ถ้า Correlation ใกล้เคียง -1 แปลว่ามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงข้ามกัน
สำหรับกรณีของ GDP กับ SET index เมื่อใช้สถิติในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา พบว่ามี correlation เท่ากับ 0.61 ซึ่งถือว่ามีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
สุดท้ายนี้เมื่อนักลงทุนสามารถใช้การเติบโตของ GDP วิเคราะห์ทิศทางการลงทุนในอนาคต ก็อย่าลืมพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อจะได้มุมมองการลงทุนที่ครบทุกมิติ
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่
+ อ่านเพิ่มเติม