ไฟไหม้โกดังสารเคมีรอบที่ 3 ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการ
logo ข่าวอัพเดท

ไฟไหม้โกดังสารเคมีรอบที่ 3 ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการ

ข่าวอัพเดท : เกิดเหตุเพลิงใหม่โกดังเก็บสารเคมี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเสียงระเบิดเป็นระยะ เจ้าหน้าที่รีบเข้าควบคุมเพลิงและอพยพประชาชนออกจา ไฟไหม้,ไฟไหม้โกดังสารเคมี,ไฟไหม้ภาชี

1,942 ครั้ง
|
02 พ.ค. 2567

เกิดเหตุเพลิงใหม่โกดังเก็บสารเคมี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเสียงระเบิดเป็นระยะ เจ้าหน้าที่รีบเข้าควบคุมเพลิงและอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ ชาวบ้านเผยเดือดร้อนหนัก เพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าจัดการโดยด่วน

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. เวลา 18:00 น. เกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี ตั้งอยู่ริมถนนสายอุทัย-ภาชี หมู่ 2 อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เกิดเหตุเป็นโกดังขนาดใหญ่ในพื้นที่ 8 ไร่ ทั้งหมด 5 โกดัง จุดเกิดเหตุคือที่โกดังที่ 4 และ 5 โดยเพลิงลุกไหม้อย่างหนักและมีเสียงระเบิดเป็นระยะ

หลังจากทราบเรื่อง นายนพดล พลซื่อ นายอำเภอภาชี พร้อมด้วย นายสเกน จันทร์ผดุงสุข นายกเทศมนตรี อ.เมืองภาชี หัวหน้าป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานรถน้ำกว่า 10 คันเข้าควบคุมเพลิง ต่อมา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่พร้อมสั่งการขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเข้ามาเร่งควบคุมสถานการณ์ ไม่ให้เพลิงไหม้ลามไปยังโกดังอื่น

ล่าสุดทางโรงพยาบาลภาชีได้ปิดให้บริการชั่วคราว และเร่งอพยพผู้ป่วย 37 ราย ออกจากโรงพยาบาลไปยังโรงพยาบาลที่ประสานเตรียมรองรับผู้ป่วยไว้ ได้แก่ โรงพยาบาลวังน้อย โรงพยาบาลท่าเรือ และโรงพยาบาลอุทัย นอกจากนี้ยังมีศูนย์อพยพที่วัดโคกม่วง ซึ่งจัดเตรียมไว้รองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีที่นอน อาหารและทีมแพทย์เตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือ

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าที่เกิดเหตุเป็นโกดังร้างที่มีคนลักลอบนำกากสารเคมีมาเก็บไว้ จนท.จึงยึดเป็นของกลางในคดี 4,000 ตัน โดยก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้มาแล้วถึง 3 ครั้ง ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่เชื่อว่าเป็นการลอบวางเพลิงเผาทำลายหลักฐาน

ด้านชาวบ้านวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการ เพราะเคยเกิดเหตุแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาจัดการสารเคมีที่อยู่ในโกดัง เบื้องต้นสารเคมีที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการสั่งการให้เจ้าของโกดังนำไปกำจัด แต่หากยังไม่ดำเนินการ รัฐต้องดำเนินการเอง ซึ่งจากการประเมินต้องใช้งบประมาณประมาณ 28 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง