ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ผู้ที่จะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือก สว. มองว่าเป็นการกีดกันประชาชน แต่เอื้อให้กลุ่มอิทธิพล กลุ่มการเมืองฮั้ว เจรจาต่อรองกันได้ ง่ายและใช้เงินน้อยกว่าการซื้อเสียง สส. อีก ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ นายกฯ ได้นำชื่อ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ขึ้นทูลเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ แล้ว
ยื่นค้านระเบียบแนะนำตัว สว. ชี้กีดกันประชาชน เอื้อกลุ่มอิทธิพล
นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมกับผู้ที่ประกาศตัวจะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. รวม 6 คน ซึ่งรวมถึงนักร้องดัง ปิงปอง นายศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อขอให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือก สว.
นายพนัส กล่าวว่า ระเบียบ กกต. ที่ออกมา เป็นการปิดล็อกกระบวนการเลือกตั้งวุฒิสภา ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ปิดลับของผู้สมัคร ตัดการรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนออก ไม่ให้ผู้สมัครแนะนำตัวในที่สาธารณะ แต่ให้คุยกันเองในวงเล็กๆ ด้วยข้อมูลที่จำกัด ที่ไม่เห็นด้วยที่สุด คือข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 11 ข้อ 7 คือให้แนะนำตัวโดยใช้เอกสารไม่เกิน 1 หน้ากระดาษเอ 4 ข้อ 8 ผู้สมัครแนะนำตัวทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยตนเอง แก่ผู้สมัคร สว. ด้วยกันเท่านั้น
ส่วนข้อ 11 จะเป็นข้อห้าม ซึ่งจะมีหลายข้อที่เกี่ยวข้องกับสื่อ เช่น ห้ามแนะนำตัวทางวิทยุโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงห้ามให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถือเป็นการจำกัดเสรีภาพในการแนะนำตัวเกินกว่าเหตุ และยังเป็นอุปสรรคต่อการทำข่าวด้วย
อาจารย์พนัส แสดงความเห็นว่า การออกระเบียบมาแบบนี้ และกลไกการเลือกตั้ง สว. ที่ถูกออกแบบไว้ให้เป็นระบบปิด เป็นการเอื้อให้กลุ่มอิทธิพล และกลุ่มการเมือง จัดตั้ง และเจรจาฮั้วกันในการเลือก สว. ได้ง่ายมาก และใช้เงินน้อยกว่าการเลือก สส. เสียอีก
อาจารย์พนัส บอกด้วยว่า มาตรา 36 ของ พ.ร.ป.การได้มาของ สว. มีการกำหนดโทษไว้ด้วย คือ โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่สำคัญจะถูกเพิกสิทธิเลือกตั้งด้วย 5 ปี ซึ่งก็ตั้งคำถามว่า สิ่งที่ กกต. ออกระเบียบ กำหนดระเบียบแนะนำตัวมาแบบนี้ ความผิดจะถึงขั้นที่จะมีโทษมากขนาดนั้นหรือไม่ หรือควรจะไปออกระเบียบป้องกันกลุ่มอิทธิพล กลุ่มจัดตั้งฮั้วกัน
เศรษฐา ทูลเกล้าฯ มาริษ นั่ง รมว.ต่างประเทศ
จากเรื่อง สว. สลับตัดกลับมาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังจากที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออก หลังถูกปรับพ้นตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
ล่าสุดวันนี้ มีรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้นำชื่อ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ สมัยนายปานปรีย์ ขึ้นทูลเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศแล้วตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา โดยเมื่อวานนี้ นายมาริษ เข้าพบนายเศรษฐา ที่ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าไปกรอกประวัติ เพื่อตรวจคุณสมบัติ และนายมาริษ มีหนังสือลงวันที่ 29 เมษายน ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบของบริษัทธนูลักษณ์ จำกัด มหาชน หรือ TNL เนื่องจากติดภารกิจส่วนตัว โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน
เปิดประวัติ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ คนใหม่
สำหรับเส้นทางของนายมาริษ ทำงานกระทรวงการต่างประเทศหลายปี ทั้งในกรมองค์การระหว่างประเทศ กรมสารนิเทศ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และเป็นข้าราชการที่ส่งไปประจำทำเนียบรัฐบาล สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำเครือรัฐออสเตรเลีย อดีตเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐฟิจิ อดีตเอกอัครราชทูตกรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เกษียณอายุราชการในตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา ก่อนหน้านี้เป็นอดีตที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ ขณะที่ นายปานปรีย์ ดำรงตำแหน่งเป็น รมว.ต่างประเทศ
ปานปรีย์ เก็บของ อำลาข้าราชการ
ขณะที่ นายปานปรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าไปเก็บของในห้องทำงาน ขอบคุณผู้ร่วมงาน และอำลาข้าราชการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ที่สนับสนุนการทำงานมาโดยตลอด
ส่วนงานที่ค้างอยู่ อย่างการสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขณะนี้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แทนเพื่อเข้าร่วมการประชุม ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่าใครจะมาก็สามารถทำต่อไปได้ เพราะข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศมีการทำงานที่เข้มแข็งอยู่แล้ว
นายปานปรีย์ ยอมรับว่า รู้สึกตกใจที่มีข้าราชการทุกระดับมาอำลา ทั้งที่ไม่ได้แจ้งว่าจะเข้ามา จึงได้บอกกับทุกคนว่า เป็นการอำลาชั่วคราวนะ ไม่ได้ไปไหนยังเรียกใช้งานได้ตลอด หากยังเห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็ยินดีช่วยไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งข้าราชการหลายคนได้นำดอกไม้มามอบให้เป็นกำลังใจ บางคนถึงกับร้องไห้กับการจากลา
มีรายงานว่า หลังมือของนายปานปรีย์ มีรอยเจาะสายน้ำเกลือติดอยู่ เนื่องจากนายปานปรีย์ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้ ด้วยอาการอ่อนเพลีย เพราะทำงานอย่างหนักต่อเนื่องตลอดหลายเดือน
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35