แม่ค้าช้ำ เจอ “เจ้าของสวนทุเรียน” เหลี่ยมจัด “มัดจำ 2 ล้าน” ห้ามตัดขาย ไม่คืนเงิน !

แม่ค้าสุดช้ำ ถูกเจ้าของทุเรียน หลอกให้โอนเงินมัดจำค่าทุเรียน 2 ล้าน พอถึงวันจริง ลูกของเจ้าของสวน ดอดบอก ที่ดินนี้ไม่ใช่ของพ่อ ไม่สิทธิ์มาตัดทุเรียน พอไปทวงเงินมัดจำคืน กลับบอกใช้ไปหมดแล้ว !?

 

 

            วันที่ 23 เม.ย. 2567 หัตศกร อัครนพทรัพย์ (หงส์) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนกับสามีได้ไปตระเวน ซื้อทุเรียนตามสวน เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2567 โดยมีนายหน้ามาแนะนำตนให้ไปที่สวนแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี และได้เจอลุงสายัณห์ อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของสวน พาตนขับรถตระเวนดูสวนทุเรียนเนื้อที่ทั้งหมด 200 ไร่ ตนเห็นว่าตนทุเรียนสวย จึงตัดสินใจเลือกสวนนี้ จากนั้นก็ได้ทำการตรวจสอบเอกสารก็พบว่า ลุงสายัณห์ เป็นเจ้าของสวนทุเรียนนี้จริง มีเอกสารการเสียภาษีเมื่อปี 2566 

 

            จากนั้น จึงตกลงกันว่าจะวางเงินมัดจำกัน 2 ล้านบาท เพื่อขอจองสวนทุเรียนนี้ไว้ โดยวันที่ 7 ม.ค. 2567 โอนเงินมัดจำงวดแรกให้ 300,000 บาท ต่อมาวันที่ 3 ก.พ. ลุงสายัณห์โทรมาขอเงินจากตน อ้างว่าไม่มีเงินรดน้ำสวนทุเรียน ตนจึงโอนเงินไปให้อีกครั้งวันที่ 6 ก.พ. 2567 อีก 150,000 บาท และได้โอนมัดจำงวดสุดท้ายให้อีก ในวันที่ 14 ก.พ. 2567 อีก 1,550,000 บาท รวมเป็นเงินมัดจำทั้งหมด 2 ล้านบาท จึงได้เริ่มทำสัญญาจองการตัดทุเรียนของสวนนี้วันนั้นเลย โดยมีลุงสายัณห์ และภรรยาของเขา และนายหน้าร่วมอยู่ด้วย 

 

            ต่อมาวันที่ 3 มี.ค. 2567 ตนเดินทางเข้าไปดูผลทุเรียนที่สวนดังกลาสง ว่าสามารถเก็บได้หรือยัง แต่พอไปถึงสวนทุเรียน กลับพบชาย-หญิงคู่หนึ่ง อ้างว่าเป็นเจ้าของสวนทุเรียน และบอกกับตนว่า "เข้ามาเดินทำไม นี่ไม่ใช่สวนของพ่อ" และบอกอีกว่า "ไม่สามารถตัดทุเรียนขายให้ได้ เพราะพ่อแบ่งที่ดินนี้ให้แล้ว" ซึ่งแม้ตนจะเอาสัญญาที่ทำไว้กับลุงสายัณห์มาให้ดู เขาก็ยืนยันว่าสวนทุเรียนนี้เป็นของเขา และให้ไปเคลียร์กับลุงสายัณห์กันเอง พร้อมขู่ว่าถ้าเข้ามาอีกจะไม่รับประกันความปลอดภัย

 

            สุดท้ายตนไปคุยกับลุงสายัณห์ เขาก็บอกว่าเขาไม่ได้มีสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวแล้ว ซึ่งพอตนขอเงินคืน ลุงสายัณห์บอกว่าไม่มีเงินแล้ว ใช้ไปหมดแล้ว โดยบอกอีกว่า เขาไม่ได้โกงเขาแค่ไม่มีเงิน แต่ในขณะเดียวกันตนได้เห็นว่าเขาได้ออกรถกระบะใหม่ป้ายแดง และออกรถแมคโครใหม่เช่นกัน ต่อมาวันที่ 27 มี.ค. 2567 ทางลูกสาวลุงได้ติดต่อให้ตนเข้าไปตัดลูกทุเรียนในสวนได้ เพราะกลัวพ่อจะถูกดำเนินคดี โดยตัดมาได้ 400 กิโลกรัม ทว่าตนไม่ได้ตัดฟรี เขากลับให้ตนจ่ายเงินอีก 101,920 บาท ไม่ยอมให้หักในเงินมัดจำ 2 ล้านบาท 

 

            จากนั้นตนจึงได้นำเรื่องไปแจ้งความเอาไว้เพื่อดำเนินคดี โดยตัวลุงสายัณห์ได้นัดจะจ่ายเงินคืนวันที่ 3 เม.ย. 2567 แต่พอถึงวันจริงกลับมีสายโทรมา อ้างตัวว่าเป็นทนาย บอกว่า เงิน 2 ล้านเขาจะหาจากที่ไหน ให้รอก่อน สุดท้ายตนก็ไม่ได้เงิน ตนทุกข์ร้อนใจมาก เพราะมีลูกน้องที่ต้องเลี้ยงอีก ไหนจะต้องทำธุรกิจอีก ลูกสาวก็ต้องเรียน จึงได้มาร้องเรียนไปที่เพจสายไหมต้องรอด ขณะเดียวกันตอนนี้ตำรวจได้ออกหมายเรียกลุงสายัณห์ไปแล้ว 1 ครั้ง แล้วเขาไม่มา และจะออกหมายเรียกอีกครั้งวันที่ 26 เม.ย. 2567 ถ้าไม่มาอีก เขาจะออกหมายจับ 

 

            ด้าน หยอง ลูกสาวเจ้าของสวนทุเรียน เล่าว่า ยืนยันว่าสวนทุเรียนดังกล่าวไม่ใช่ของพ่อ เป็นสวนทุเรียนของตน ที่ซื้อแยกกับสามีมา ส่วนเรื่องสัญญาที่ผู้้เสียหายเขาทำกับพ่อนั้น ตนไม่ได้รู้เรื่องเลย ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณหงส์เข้ามาซื้อทุเรียน ตนมาทราบเรื่องอีกทีก็ตอนมีปัญหาแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าพ่อน่าจะคืน เพราะพ่อเขาก็มีสวนทุเรียนของเขา ที่กำลังรอตัดไปขายอยู่ ตนคิดว่าเดี๋ยวเขาจะต้องหาเงินมาคืนแน่ ส่วนในเรื่องรถที่เขาซื้อใหม่ ตนไม่ได้รู้เรื่อง อย่างไรก็ตาม ตนจะช่วยคุยกับพ่อให้ไปเคลียร์ให้กระจ่าง 

 

 

            ด้าน นิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า คถุณหงส์ติดต่อตนมาตอนแรก บอกตนว่าเขาจะหมดตัว เพราะนอกจากจะโดนสวนโกงแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะโดนคนที่เขารับซื้อทุเรียนปรับเงินหรือไม่ เพราะเจ้าตัวต้องหาตลาดเพื่อลงทุเรียนก่อน ความเสียหายมันเกิดเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบพฤติกรรมสวนทุเรียนดังกล่าว ซึ่งตนมองว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการหลอกลวง เพราะเคยมีคนแจ้งเข้ามาเหมือนกันว่าโดนให้เช่าที่ดินประกอบอาชีพ แต่กลับโดนไล่ที่ เดี๋ยวต้องตรวจสอบกันอีกทีว่าเป็นเจ้าเดียวกันหรือเปล่า

 

 

            ฟาก นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน เผยว่า เรื่องนี้ทำให้พ่อค้าแม่ค้าในวงการทุเรียนเสียหายมาก จะทำให้ลูกค้ากลัวการซื้อแบบนี้มาก ส่วนเรื่องของคดีนี้ มันเข้าข่ายการฉ้อโกง ต้องตรวจสอบว่าที่ดินนี้เป็นของใครกันแน่ และต้องตรวจสอบด้วยว่าทำกันเป็นขบวนการหรือไม่ ต้องดูว่ามีใครเสียหายจากสวนนี้อีกหรือเปล่า อย่างไรก็ตามมันมีพิรุธอยู่ เพราะทำสัญญากับอีกคนหนึ่ง แต่พอจะเข้าไปตัดทุเรียนกลับเป็นคนอื่นมารับหน้า ดังนั้นต้องดำเนินคดีทุกคน 

 

            ส่วนเรื่องรถที่เจ้าของสวนทุเรียนซื้อมาใหม่ ต้องตรวจสอบว่าเขาเอาเงินที่ไหนมาซื้อ ถ้าตรวจสอบพบว่าเกี่ยวกับคดีก็ต้องทำการยึดทรัพย์ไว้ให้หมด