ข่าวเย็นประเด็นร้อน - สามีภรรยาคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทาวน์โฮม พบพฤติกรรมเพื่อนบ้านสุดแปลก หลังติดกล้องวงจรปิดดูต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น คือ เพื่อนบ้านมีการฉีดน้ำเข้าใส่กล้องวงจรปิดที่บ้าน โยนกระถางต้นไม้ข้ามรั้วเกือบถูกรถยนต์ หนักเข้าขับรถชนประตูรั้ว 2 รอบ ล่าสุด ปาถังแก๊สเข้ามาในบ้าน พฤติกรรมเพื่อนบ้านไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีพฤติกรรมคุกคามอย่างอื่นอีกมากมาย
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านผู้เสียหาย อยู่ในพื้นที่คลอง 3 ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบกับ นางสาวบี (นามสมมุติ) เจ้าของบ้าน เล่าให้ฟังว่า ตนกับสามีได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ 1 ปีกว่า ๆ แล้ว ช่วงที่ตนมาอยู่ใหม่ ๆ ข้างบ้านตนซึ่งเป็นบ้านผู้ก่อเหตุ ขายอาหาร ตนกับสามีก็สั่งอาหารกินอยู่เป็นประจำ ผู้ก่อเหตุก็เดินมาส่งอาหาร แต่ไม่เคยพูดคุยกัน ต่อมา บ้านผู้ก่อเหตุได้เลิกขายอาหาร จากนั้นตนก็เห็นพฤติกรรมแปลก เช่น มีขยะมาอยู่ในบ้านตนเองเต็มไปหมด ตนจึงติดกล้องวงจรปิดเพื่อดูเหตุการณ์ว่าขยะพวกนี้มาจากไหน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 พบว่ามีกระดาษถูกโยนเข้ามาในบ้าน เขียนข้อความว่า ขโมยท้าวเวสสุวรรณไป โปรดนำมาคืนที่เดิม ตนก็รู้สึกแปลกใจว่าใครเป็นคนเขียนข้อความนี้ จึงเปิดกล้องวงจรปิดดู พบว่าเป็นผู้ชาย (ผู้ก่อเหตุ) ที่บ้านอยู่ติดกับตนโยนเข้ามา แต่ตนไม่ได้ขโมยไป ผมจึงทำการโทรแจ้งกับแม่ผู้ก่อเหตุ จึงทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ
ต่อมา วันที่ 27-30 มีนาคม 2567 ตนไม่อยู่บ้านไปต่างจังหวัดกับภรรยา ปรากฏว่าหลังกลับมาได้เปิดกล้องวงจรปิดดู พบว่าวันที่ 27 มีนาคม เวลา 08.07 น. ผู้ก่อเหตุพยายามฉีดน้ำมาที่กล้องวงจรปิด และปาแก้วเข้ามาตัวในบ้าน แก้วแตกเต็มพื้น จากนั้นเวลา 08.09 น. พบว่าผู้ก่อเหตุนำต้นไม้มาโยนใส่รถยนต์ในบ้านทำให้เกิดความเสียหาย
ต่อมา เวลา 10.45 น. ผู้ก่อเหตุเขียนจดหมายมีคำขอมาว่า ใบยินยอมมอบประตูรั้วสเตนเลส บ้านเลขที่ผม พร้อมชื่อจริง นามสกุล เจ้าของบ้าน เจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านเลขที่ที่อยู่นี้ได้ยินยอมมอบประตูรั้วสเตนเลสที่ติดตั้งหน้าบ้านของข้าพเจ้าด้วยความเต็มใจ พร้อมกับให้เซ็นชื่อเจ้าของบ้าน และคู่กรณีได้เซ็นชื่อลายลักษณ์อักษรตัวเองไว้แล้ว
ต่อมาอีกเวลา 10.54 น. ผู้ก่อเหตุได้มีการนำฟิวเจอร์บอร์ดขนาดใหญ่มาติดที่ประตูรั้ว ไม่ทราบข้อความที่เขียน เนื่องจากอีกวันทางคู่กรณีได้มานำออกไป สอบถามจากบุคคลในละแวกบ้าน เขียนประมาณด่าทอบ้านตน ตนจึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ครั้งที่ 1
ต่อมา วันที่ 4 เมษายน 2567 เวลา 19.14 น. ผู้ก่อเหตุข้างบ้านได้ขับรถยนต์มาชนรั้วประตูบ้าน ทำให้เกิดความเสียหาย แล้วก็ขับรถกลับไปจอดในบ้านเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนจึงได้ทำการแจ้งแม่คู่กรณีและแจ้งความครั้งที่ 2
ต่อมาวันที่ 5 เมษายน 2567 เวลา 07.23 น. ผู้ก่อเหตุได้ทำการปาแก้วน้ำใส่รถยนต์ในบ้าน ทำให้เกิดความเสียหาย และคู่กรณีได้ขับรถพุ่งเข้าชนประตูบ้านทางโรงจอดรถทะลุมาชนรถยนต์ เกือบเข้าภายในตัวบ้าน ตนจึงได้ถามทางผู้ก่อเหตุว่าทำเพื่ออะไร ผู้ก่อเหตุแจ้งว่า ทางบ้านผมได้มีการไปแฮ็กข้อมูลมือถือ ขโมยของ และบุกรุกบ้านของเขา ตนก็งงกับคำพูดที่ผู้ก่อเหตุพูด เพราะตนไม่เคยไปบุกรุกบ้านใครทั้งนั้น
ทางสายตรวจจึงได้นัดให้ไปที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ทั้งผมจึงได้ขับไปรอคู่กรณีที่ สภ. แต่ทางผู้ก่อเหตุขับผ่าน สภ. หลีกเลี่ยงไม่เข้ามา สภ. และได้กลับเข้าบ้านไป ทางผมจึงแจ้งความดำเนินคดีครั้งที่ 3 เพื่อดำเนินคดี
ทางตำรวจจึงสืบสวนผมและได้ออกหมายเรียกให้กับคู่กรณีมาสืบสวน แต่ออกหมายเรียกคู่กรณีไปแล้วครบ 3 ครั้ง แต่คู่กรณีก็ยังไม่มาพบตำรวจ ล่าสุดคู่กรณีได้นำถังแก๊สมาพุ่มใส่รถยนต์ ทำให้เกิดความเสียหายอีก และนำสีสเปรย์มาพ่นหน้าบ้าน ตนกับสามีก็ยืนดูอยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และเมื่อเช้านี้พบว่ามีอุปกรณ์กับซองยาเสพติดวางไว้หน้าบ้านตน จนกระทั่งล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ได้มีเจ้าที่ตำรวจมาจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไปที่โรงพักแล้ว
ทางด้าน นายสง่า หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล่าวว่า มีลูกบ้านร้องเรียนมาหลายครั้งว่าถูกผู้ก่อเหตุมาก่อกวน ตนเองเคยเผชิญหน้ากับผู้ก่อเหตุแล้ว ตอนที่ผู้ก่อเหตุฉีดน้ำใส่ผ้าบ้านเพื่อนบ้าน พอตนไปถามว่าทำแบบนี้ทำไม ผู้ก่อเหตุกับท้าทายให้เข้ามาจับกุมตัวภายในบ้านสิ ตนก็ได้แต่ยืนคุมสถานการณ์ ไม่สามารถเข้าไปในบ้านผู้ก่อเหตุได้ เคยถูกร้องเรียนว่าขับรถเร็วมากเวลาเข้าซอย ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นต่างไม่ปล่อยให้ลูกหลานออกมาวิ่งเล่นหน้าบ้าน เพราะกลัวอุบัติเหตุ หลังจากที่ผู้ก่อเหตุถูกตำรวจจับไปแล้ว ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นต่างดีใจ และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไมไม่จับตัวไปตั้งนานแล้ว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี ได้พูดคุยกับแม่ผู้ก่อเหตุ โดยทางแม่ผู้ก่อเหตุยอมรับว่าลูกมีอาการทางสมอง เนื่องจากเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ลูกเครียดจากปัญหาที่ตนกับสามีได้แยกทางกัน และทิ้งให้ลูกอยู่คนเดียว ลูกจึงติดเพื่อน เดินทางผิดไปใช้ยาเสพติด ตอนนั้นตนพอจะรู้เรื่องแล้ว ตนก็พยายามจะพาลูกไปรักษา แต่ลูกบอกว่าเดี๋ยวเขาจะรักษาตัวเอง จะเลิกทุกอย่างเอง ตนเองก็เลยต้องออกจากงานมาดูแลลูก มาอยู่กับลูกที่บ้าน แต่ช่วง ปีที่แล้ว ลูกได้ไปรักษาจนหายจากอาการติดยา และมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน เตรียมตัวจะไปสมัครงานใหม่ เพราะช่วงที่ลูกใช้ยาเสพติด ลูกได้ออกจากงานมารักษาตัว
ตอนนั้นตนคิดว่าลูกได้เลิกใช้ยาเสพติดแล้ว เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ลูกได้มีอาการหนักขึ้น มีการออกไปป่วนเพื่อนบ้าน ทำลายข้าวของเพื่อนบ้านจนเกิดความเสียหาย ตนจึงพูดกับลูกว่าไปรักษาตัวกันไหม แต่ลูกก็ยืนยันว่าเดี๋ยวเขาจะไปโรงพยาบาลเอง ตนพยายามติดต่อไปหลายหน่วยงาน ให้มารับลูกตนเองไปรักษา แต่ก็ไม่มีหน่วยงานไหนตอบกลับมา จนลูกมาถูกจับในวันนี้
ตั้งแต่เล็กจนโต ลูกตอนเรียนหนังสือเก่งมาก เรียนจบมหาลัยชื่อดัง ทำงานดี อนาคตไกล มีจิตใจโอบอ้อมอารี ขนาดมดยังไม่กล้าฆ่าเลย แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเพราะยาเสพติด
ตนจึงอยากวอนขอหน่วยงานที่ใจบุญ ช่วยพาลูกตนเองไปบำบัดอาการป่วยให้ที
ทางด้านคดีความ เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดักซุ่มรออยู่หน้าบ้านผู้ก่อเหตุอยู่ 2 วัน เพราะไม่สามารถบุกเข้าไปในบ้านได้ เนื่องจากไม่มีหมายค้น มีเพียงหมายจับผู้ก่อเหตุเท่านั้น ต้องรอให้ผู้ก่อเหตุออกมานอกบ้านก่อนถึงจับกุมตัวได้ โดยเมื่อตอนเที่ยงที่ผ่านมา ทางเราได้ประสานกับแม่ผู้ก่อเหตุ เพื่อขอให้นำลูกออกมามอบตัว โดยแม่ได้เกลี้ยกล่อมลูกอยู่นาน แต่ไม่เป็นผล แม่ต้องใช้อุบายว่าจะพาไปตรวจร่างกายเฉย ๆ ลูกจึงยอมออกมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว หลังจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาที่โรงพัก ผู้ก่อเหตุปฏิเสธการให้การ โดยจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น ตอนนี้จะนำผู้ก่อเหตุไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย หากพบว่ามีสารเสพติดก็จะพาไปบำบัดรักษาอาการก่อน ส่วนเรื่องค่าเสียหาย อยู่ระหว่างการตกลงกันระหว่างแม่ผู้เสียหายกับตัวเจ้าของบ้านผู้เสียหายว่าจะเจรจากันได้ไหม ถ้าเจรจากันไม่ได้ก็จะดำเนินคดีเพิ่มกับผู้ก่อเหตุอีก เบื้องต้นจับกุมผู้ก่อเหตุตามหมายศาลข้อหาทำให้เสียทรัพย์
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35