ส่อโอละพ่อ ? หนุ่มอ้าง ถูก “จ้างสืบกิ๊ก” สุดท้ายผัวเมียดีกัน ถูกทำร้าย - ขู่ฆ่า ไร้เยียวยา

หนุ่มอ้าง ถูก ภรรยาว่าจ้างให้สืบชู้สามี ไป ๆ มา ๆ ผัวเมียดีกัน กลับมาทำร้ายจนแขนหัก พร้อมระแวง เพราะถูกชายแปลกหน้าขู่ฆ่า สุดท้ายคดีไม่คืบ ไร้การเยียวยา !?

 

 

 

            วันที่ 22 เม.ย. 2567 ธนภัทร งามเจริญ (นิว) ผู้ที่อ้างว่าถูกจ้างสืบกิ๊กและถูกข่มขู่ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเดือน ม.ค. ปี 2566 ซึ่ง นางเอ (นามสมมติ) และนายสุเทพ คู่สามีภรรยา ได้เข้ามาซื้อของที่ร้านขายอะไหล่รถเกี่ยวข้าวที่ตนทำงานอยู่ ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ระหว่างที่สามีกำลังเดินดูของอยู่นั้น ภรรยาก็ได้เรียกตนไป และได้ไหว้วานให้ตนสืบหาว่าสามีของเขามีกิ๊กหรือไม่ เขาระแคะระคายว่ากิ๊กจะเป็นพนักงานในร้านของตน โดยเขาจะมีค่าขนมให้ ตนก็รับปากว่าจะสืบให้ 

 

            ต่อมาตนได้สืบจนรู้ว่าสามีของเขามีกิ๊กจริง นั่นก็คือ น.ส.แจง เพื่อนร่วมงานของตน ตนจึงได้นำเรื่องไปบอกกับฝั่งภรรยา ซึ่งก็ได้บอกเขาไปด้วยว่า ตนยังไม่คอนเฟิร์ม ฝั่งภรรยาจึงได้ให้ตนทิ้งเลขบัญชีเอาไว้ และโอนเงินมาให้ตน 5,000 บาท ภายหลัง หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง สามีของนางเอ ก็โทรมาด่าทอตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย จากนั้นวันต่อมา ตนต้องไปส่งของที่อู่ของ 2 สามีภรรยา ซึ่งตอนแรกฝั่งสามีไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ตนเห็นเด็กในร้านเหมือนโทรศัพท์เรียก และพอเขามา เขาก็ปรี่เข้ามาด่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย และได้ใช้เหล็กแป๊บตีตน จนแขนซ้ายบวม กระดูกนิ้วนางแตก แถมยังพูดขู่ว่า "ถ้ากูเจอมึงที่ไหน กูยิงมึงทิ้งแน่" พร้อมขู่ไม่ให้ไปแจ้งความ แต่สุดท้ายแล้วตนก็ต้องไปแจ้งความ โดยแจ้งความไว้ที่ สภ.บางเลน เรื่องทำร้ายร่างกาย และแจ้งที่ สภ.ลาดบัวหลวง ในคดีขู่ฆ๋า

 

            ทั้งนี้ตนเคยถูกชายแปลกหน้า 2 คน สวมชุดสีดำทั้งตัว ขี้จักรยานยนต์ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน สีดำทั้งคัน  ตามประกบตน โชคดีว่าผ่านบ้านเพื่อนของตน จึงได้ตะโกนเรียกเพื่อน ชายกลุ่มนั้นก็ได้ถอยไป ซึ่งตนระแวงมาก กลับผลกระทบจะตกไปถึงลูก อีกทั้งคดีความก็ยังไม่คืบหน้า ไม่มีการมาเยียวยาความเสียหายของตนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริง ตนไม่ได้กุเรื่องขึ้นเพื่อไถเงินนางเอ ตนมีหลักฐานพร้อม 

 

            ฟาก แจง ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สาม กล่าวว่า ตนกับนายนิว สนิทกันถึงขั้นสามารถยืมเงินกันได้ แต่ทว่าเรื่องที่นายนิวเล่ามาทั้งหมดนั้น ไม่ใช่ความจริงเลย แชตที่นายนิวเอามาเปิดอันนั้นก็ไม่ใช่แชตของตน ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าตนไปเป็นชู้กับนายสุเทพ ก็ไม่ใช่ความจริง ส่วนความสัมพันธ์ของตนกับนายสุเทพและภรรยา ตนมีความสนิทสนมกับทั้งคู่ เคยยืมเงิน 2,000 บาท โดยให้นายนิวเป็นคนไปเอาเงินให้ และที่ตนอยากคุยกับนายสุเทพแค่คนเดียว เพราะตนไม่อยากให้ภรรยาของเขารู้เรื่องยืมเงิน เนื่องจากของเก่าตนยังคืนเขาไม่ครบ

 

 

            อย่างไรก็ตาม ตนอยากถามนายนิว ว่าเขามาออกสื่อเขาต้องการอะไร เพราะเรื่องคดีมันจบไปเป็นปีแล้ว นายสุเทพ เขาก็โดนศาลตัดสินไปแล้ว เรื่องมันจบไปนานแล้ว 

 

            ฟาก นายนิว กล่าวต่อว่า ตัวเองนั้นไม่ทราบเรื่องของคดีความเลย ตนไปแจ้งความจริง แต่ความคืบหน้าคดีตนไม่เคยทราบเลย จดหมายก็ไม่มีส่งมาแจ้งอะไร ขณะที่ตำรวจก็ไม่เคยโทรมาหาตนเลย 

 

            ด้าน เฟรม (นามสมมติ) อดีตเพื่อนร่วมงานของนิวและแจง เล่าว่า ตนได้ติดต่อนายนิวอยู่ตลอด ซึ่งเขาก็ได้เล่าให้ตนฟังทุกเรื่อง ที่เขาโดนตามล่ามาทั้งหมดเขาเล่าให้ตนฟังตั้งแต่แรก ๆ ยังไง ตอนออกรายการเขาก็เล่าให้ฟังเหมือนเดิมเลย ซึ่งตนได้เคยได้ยินนางแจงเขาพูดเหมือนตามล่านายนิว ส่วนเรื่องชู้ของนายสุเทพ กับนางแจง ตนไม่สามารถฟันธงความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ เพราะตนไม่เคยเห็นเขาอยู่ด้วยกัน ตนมองว่านายสุเทพเอ็นดูนางแจงมากกว่า โดยมีการให้เงินพิเศษกันอยู่บ้าง 

 

            ขณะที่ เอ (นามสมมติ) ภรรยาของสุเทพ กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่เคยจ้างนายนิวให้ไปสืบชู้ให้กับสามี เป็นฝั่งนายนิวที่มาเสนอจะบอกกับตน และขอเป็นค่าขนมจากตน 10,000 บาท และหลักฐานที่เขาเอามาให้ตนดูมันก็เป็นแค่แชตที่นางแจง ถามหาสามีตนเท่านั้น สุดท้ายตนโอนเงินไปให้เขา 5,000 บาท ที่โอนไปเป็นเพราะเขาพูดเกลี่ยกล่อมตนอยู่นาน เขาพูดเก่ง ทำให้ตนหลงไป มันเป็นความโง่ของตนเองที่หลงเชื่อไป ยืนยันว่านายนิวพยายามจะเอาเงินจากเรา อย่างไรก็ตาม ตนมีความสนิทสนมกับนางแจงมานาน เพราะเขาทำงานด้วยกันมานาน ส่วนนายนิวนั้นเพิ่งมาอยู่ ตนไม่ค่อยสนิท ถ้าตนจะจ้างให้คนมาสืบชู้สามีตนจ้างคนอื่นเสียดีกว่า 

 

            ส่วนเรื่องที่สามีของตนไปตีนายนิวนั้น นอกจากเรื่องที่เขาโมโหที่นายนิวไปใส่ร้ายแล้วนั้น ยังเป็นเพราะ นายนิวติดต่อไปหาลูกสาวของสามี แจ้งว่า เขาจะแจ้งความแล้วนะ ถ้าไม่อยากให้แจ้งความ เขาเรียกเงินมา 20,000 ยาท ตรงจุดนี้เรายอมรับิดที่ทำเกินกว่าเหตุ ยินดีให้กฎหมายลงโทษ

 

 

            ฟาก สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า คดีทำร้ายร่างกายที่นายนิวไปแจ้งความเอาไว้ ศาลได้พิพากษาแล้ววันที่ 23 ก.พ. 2567 ให้นายสุเทพรอลงอาญา และปรับเงิน  ที่ไม่ติดคุก เพราะ ตัวนายสุเทพให้การรับสารภาพ ดังนั้นคดีนี้สิ้นสุดแล้ว ทว่าตนอยากแนะนำให้นายนิว ไปรีบใช้สิทธิ์ฟ้องทางแพ่งภายในอายุความ 1 ปี เพื่อเรียกค่าเสียหาย