เชฟหนุ่มพบศพเด็กในกระเป๋าเดินทาง หลังจากภรรยาหนีออกจากห้อง อ้างไม่เคยรู้ว่าภรรยาท้อง ฝั่งภรรยาโต้ถูกสามีทำร้ายร่างกายบ่อยครั้งจนทนไม่ไหว
เมื่อเช้ามืดของวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ร.ต.อ.ทิตติพงษ์ พุฒินาถวรพงษ์ รองสารวัตรสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ได้รับแจ้งเหตุพบศพทารกแรกเกิดไม่ทราบเพศ อายุครรภ์ประมาณ 6-9 เดือน สภาพเน่าเสียชีวิตมาประมาณ 1 เดือน ถูกห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีแดงซ้อนทับด้วยถุงขยะสีดำ ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อ บนอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านบางคอแหลม
จากการตรวจสอบและสอบสวนนายเอ (นามสมมติ) แจ้งว่า ตนอยู่กินกับภรรยามาหลายปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 5 ขวบอาศัยอยู่กับปู่ย่าที่ จ.พะเยา ตนและภรรยาเข้ามาทำงานที่ กทม. และเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ด้วยกัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาภรรยาได้หนีออกจากห้อง คาดว่าหนีตามผู้ชายคนใหม่ไป
ก่อนเกิดเหตุตนต้องการใช้กระเป๋าเดินทางใบดังกล่าว เมื่อเปิดออกมาก็พบศพเด็กอยู่ในถุงขยะสีดำและถุงพลาสติกสีแดง ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวน จึงได้โทรแจ้งตำรวจ ทั้งนี้นายเออ้างว่าตนไม่เคยทราบมาก่อนว่าภรรยาตั้งครรภ์และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้กลิ่นเหม็นหรือลางบอกเหตุอะไรมาก่อน
เมื่อสอบถามทางผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์ดังกล่าวเปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับภรรยาของนายเอทางไลน์ โดยทางภรรยาได้แจ้งว่าที่ตนออกไปอยู่ที่อื่นเพราะทนไม่ไหวที่ถูกนายเอทำร้ายร่างกายทุกครั้งที่เมาสุรา ส่วนลูกในท้องเป็นลูกของนายเอจริง
ทางภรรยาของนายเอได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตนเองรู้ว่าท้องเมื่อประมาณต้นปี แต่ไม่ได้บอกกับสามี จนเมื่อประมาณต้นเดือนเมษายนตนก็ได้แท้งลูกออกมา และนำศพไปใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง ตั้งใจว่าจะบอกสามีหลังจากที่สามีหายจากอาการมึนเมา แต่สองวันให้หลังตนก็ทนไม่ไหวที่ต้องโดนทำร้ายร่างกายเป็นประจำจึงหนีออกมา โดยตั้งใจว่าจะกลับมาเอาศพลูกไปประกอบพิธีทางศาสนา แต่ไม่มีโอกาสเพราะทุกครั้งที่ติดต่อสามีก็มักจะถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในห้องพักเสมอ
ด้านสาเหตุของการแท้งลูกนั้น ยังไม่ทราบแน่ชัด เบื้องต้นตำรวจเตรียมเรียกตัวนายเอและภรรยามาสอบสวนเพิ่มเติม และส่งศพทารกตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตก่อนนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป