แจงวุ่น ! เลขาฯ กฤษฎีกา ยัน รัฐบาลไม่ได้กู้ ธ.ก.ส. แจกดิจิทัลวอลเล็ต | เช้านี้ที่หมอชิต

เช้านี้ที่หมอชิต - ประเด็นแหล่งเงินกู้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่สังคมจับตามอง เพราะก่อนหน้านี้ถูกประโคมว่าน่าจะเป็นการกู้ผ่าน ธ.ก.ส. แน่ ๆ เมื่อวานนี้ เลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกา ยืนยันแล้วว่าไม่ใช่ ธ.ก.ส. แน่นอน

 

นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่าแหล่งเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตพูดคุยในการประชุมที่ผ่านมา คือเรื่องแหล่งเงิน โดยจะใช้งบประมาณปี 67 และปี 68 อีกส่วนหนึ่งคือดําเนินโครงการตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ซึ่งเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร ซึ่งเป็นงบประมาณของปี 2568 โดยในที่ประชุมไม่มีการพูดถึงเรื่องแหล่งกู้เงิน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มี ตนไม่แน่ใจว่ากระแสข่าวที่จะกู้เงินจาก ธ.ก.ส. มาจากไหน เพราะในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

 

เมื่อสื่อถามว่า หากไม่ใช้เงินจาก ธ.ก.ส. จะใช้เงินจากช่องทางอื่นได้อีกหรือไม่ นายปกรณ์ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลัง เพราะเป็นผู้คิดโครงการ

 

ส่วนกรณีสหภาพ ธ.ก.ส. ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลตีความให้สามารถกู้เงิน ธ.ก.ส. เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และต้องการให้กฤษฎีกา ชี้แนะข้อกฎหมายของ พ.ร.บ. ธ.ก.ส. นายปกรณ์ เปิดเผยว่า ทาง ธ.ก.ส. สามารถหารือโดยตรงกับกฤษฎีกา โดยผ่านหน่วยงานต้นสังกัดคือ กระทรวงการคลัง ว่ามีปัญหาประเด็นข้อกฎหมายตรงไหน ส่วนจะทำให้โครงการดิจิทัลว็อลเลตล่าช้าหรือไม่ เพราะรัฐตั้งเป้านำเข้า ครม. อาทิตย์หน้า เลขาฯ กฤฎีกา กล่าวว่า หากนำเข้า ครม. ก็จะเป็นเรื่องของที่มาของแหล่งเงิน แต่ไม่ใช่เรื่อง ธ.ก.ส.

 

ทางด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า มั่นใจสูงว่าการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะสำเร็จอย่างแน่นอน ภายในไตรมาส 4/2567 แต่เรื่องที่สังคมเป็นห่วงว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับทุนใหญ่ เพราะร้านค้าสะดวกซื้อสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ทางกระทรวงการคลังก็มีข้อสังเกตเรื่องนี้ แต่ข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ก็มีเหตุผล ซึ่งปัจจุบันต่างจังหวัดมีร้านค้าสะดวกซื้อจำนวนมาก และร้านค้าเหล่านี้ก็รวมสินค้าอุปโภค บริโภค ทำให้เกิดการผลิต การจ้างงาน

 

นายจุลพันธ์ บอกอีกว่า ร้านสะดวกซื้อที่เข้าร่วมโครงการ เมื่อรับชำระดิจิทัลวอลเล็ตจากประชาชนที่ได้รับสิทธิ์แล้วในรอบแรก จะยังไม่สามารถไปขึ้นเป็นเงินสดได้ทันที จะต้องนำเงินดังกล่าวไปซื้อสินค้าตรงจากผู้ผลิต เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในการนำสินค้ากลับมาขาย

 

โดยจะขึ้นเงินได้ก็ต่อเมื่อใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตรอบที่ 2 เป็นต้นไปแล้ว โดยกำหนดให้ใช้จ่ายภายใน 6 เดือน และคาดว่าเงินจะหมุนเวียนในระบบ 1 ปี

 

มีสิ่งที่น่าจะเรียกว่าข่าวดีอีกกรณี เมื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เตรียมผลักดันนโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย หลังจากก่อนหน้านี้ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วิจารณ์นโยบายนี้ว่าไม่เห้นด้วยและไม่ควรทำ แต่ นายสุริยะ ยืนยันว่าทำได้ เพราะประชาชนที่ใช้รถไฟฟ้าในปัจจุบันหากต้องโดยสารระยะทางไกล ราคาค่าโดยสารสูงสุดถึง 192 บาท ถือเป็นภาระของประชาชน หากอยากให้ประชาชนใช้รถไฟฟ้าเยอะ ๆ ช่วยลด PM2.5 และลดค่าใช้จ่าย โดย นายสุริยะ บอกว่าตามที่เคยให้สัญญาภายใน 2 ปี ต้องทำให้ได้ ตนให้สัมภาษณ์ไว้ตอนเดือนกันยายน 2566 ฉะนั้น เดือนกันยายน 2568 รัฐบาลจะดำเนินการให้ได้ โดยเน้นย้ำว่า 20 บาททุกสาย ขณะนี้ทางกระทรวงได้ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม จะตั้งกองทุนชดเชยให้กับผู้ประกอบการ และจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เร็ว ๆ นี้

 

ในอีกโครงการที่หลายครอบครัวตั้งตารอ คือโครงการ ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ประกาศสนับสนุนงบประมาณเดือนละ 3,000 บาท ให้ลูกหลานที่ต้องลาออกมาดูแลเครือญาติ หรือคนในชุมชน ที่ดูแลผู้สูงอายุเปราะบางแล้วไม่มีใครดูแล เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในศูนย์พัฒนาการและสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 

 

ซึ่งทางกรมกิจการผู้สูงอายุประกาศว่า โครงการครอบครัวอุปถัมภ์จะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม 2567 โดยในปีนี้ตั้งงบประมาณรองรับ 1,100 ราย เป็นการตั้งจากยอดจำนวนผู้สูงอายุที่จองคิวเข้าอยู่ในศูนย์ฯ จากนั้นจะประเมินผลและตั้งงบรองรับเพิ่มเติมต่อไป

 

สำหรับในกรุงเทพมหานคร ยื่นคำขอได้ที่กรมกิจการผู้สูงอายุ บ้านบางแค ส่วนในจังหวัดอื่น ให้ยื่นคำขอได้ที่ พม.จังหวัด หรือศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุในจังหวัดนั้น ๆ