ตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวฮ่องกง 2 ราย พร้อมของกลางครบมือ หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนเกี่ยวกับ sms ปลอม หลอกดูดเงินกลางห้างฯ ชื่อดัง
เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.คัมภีร์ พรหมสนธิ รอง ผบก.สอท.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 นำกำลังข้าราชการตำรวจบก.สอท.3 เข้าตรวจสอบ หลังมีประชาชนแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับข้อมูล SMS ปลอมหลอกดูดเงินประชาชน โดยประสานงานกับผู้ให้บริการเครือข่าย พบว่ามีการใช้เครื่องจำลองสถานีพกพาในพื้นที่บริเวณศูนย์การค้าชื่อดัง ซึ่งพบผู้ต้องสงสัยเป็นชาวฮ่องกง 2 ราย สะพายกระเป๋าเป้แบกของมีน้ำหนักอยู่ภายใน จึงเข้าติดตามจับกุม
ผลการตรวจค้น พบเครื่องจำลองสถานี (False base station) จำนวน 1 เครื่อง เป็นเครื่องส่งข้อความ SMS ในลักษณะของการจำลองเสา โดยส่งสัญญาณคลื่นความถี่เดียวกับเครือข่ายโทรศัพท์ของประเทศไทย ทำหน้าที่ส่งข้อความให้กับผู้คนที่อยู่ใกล้เครื่องดังกล่าวในรัศมี 1 กิโลเมตร ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่พบข้อมูลผ่านการตรวจสอบหรือได้รับอนุญาตจาก กสทช. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยึดของกลางและทรัพย์สินส่วนตัว ประกอบด้วยเครื่องจำลองสถานี 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง, กระเป๋าสะพาย 1 ใบ, และรถจักรยานยนต์ 1 คัน
จากการซักถามพบว่าผู้ต้องหาสองราย คือ นายยิป อายุ 44 ปี และนายลี อายุ 26 ปี ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2567 ผ่านด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา ให้เข้าอยู่ประเทศไทยเป็นเวลา 30 วัน โดยสิ้นสุดวันอนุญาตวันที่ 28 เมษายน 2567 พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางรัก กรุงเทพมหานคร และได้ออกจากที่พักไปที่ห้างฯ ชื่อดัง 2 แห่ง ในวันที่ 8 เมษายน เวลา 09:00 น.
โดยตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น 3 ข้อกล่าวหา ดังนี้
1) ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498
2) ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498
3) ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังผู้บงการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนให้ระวังข้อความ SMS ในลักษณะดังกล่าว มิเช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้